ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดหรือโจโกวี แห่งอินโดนีเซียได้เรียกตัวหัวหน้าตำรวจระดับภูมิภาคและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายร้อยคนไปยังทำเนียบประธานาธิบดี จากกรณีที่สาธารณชนมีความไม่พอใจต่อตำรวจเพิ่มมากขึ้น โดยเตือนให้พวกเขา หลีกเลี่ยงการใช้อำนาจแบบเผด็จการ และความรุนแรง อีกทั้งให้ระวังไม่ให้แสดงท่าทีเย่อหยิ่ง และอวดรถยนต์ราคาแพงหรือมอเตอร์ไซค์หรูหรา เพื่อฟื้นฟูความไว้วางใจของประชาชน
โดยความไม่พอใจของประชาชนต่อตำรวจที่เพิ่มขึ้น นำโดยเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชมฟุตบอลในสนามเมืองมาลัง ที่เกิดความวุ่นวาย เมื่อต้นเดือน จนทำให้เกิดความตื่นตระหนก และเหตุเหยียบกันตาย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 130 ราย และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายถูกตั้งข้อหาประมาทเลินเล่อ จนมีผู้เสียชีวิต
โจโกวีกล่าวว่า คะแนนความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อตำรวจ ที่ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 80.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของตำรวจ ในการช่วยส่งเสริมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ลดลงเหลือ 54 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคมปีนี้ และเตือนว่า เป็นการยากที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับมา
ซึ่งความเชื่อมั่นที่ลดลงในเดือนสิงหาคม เกิดจากคดีที่นาย เฟอร์ดี้ แซมโบตำรวจผู้ตรวจการทั่วไป ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมบอดี้การ์ดรายหนึ่งโดยไตร่ตรองล่วงหน้า ทำให้เขาถูกไล่ออก และอาจต้องโทษประหารชีวิต นอกจากนี้ยังมีคดีที่สารวัตรถูกจับในข้อหาเสพยา อีกทั้งคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำรวจอีกหลายคดี
นอกจากนี้โจโกวียังกล่าวว่า มีการร้องเรียนของประชาชนต่อตำรวจมากถึงร้อยละ 29.7 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยความมั่นคงและยุทธศาสตร์ศึกษา (ไอเอสเอส) ในกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า ข่าวต่างๆเกี่ยวกับความผิดของตำรวจในขณะนี้ อาจเป็นแค่เพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งปัญหาของตำรวจนั้นได้มีการสะสมปัญหาภายในมาหลายปี และยังไม่มีการปรับปรุงใดๆ เนื่องจากการปฏิรูปตำรวจไม่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งตำรวจมีอำนาจมากเกินไป เนื่องจากไม่มีสถาบันภายนอกใดที่สามารถควบคุมได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เขาจะจัดลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป