TRUE เฮ ไม่ต้องจ่าย 1,217 ล้าน ปมร่วมขยายโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะ ปมข้อพิพาทสัญญาร่วมงานและร่วมลงทุนเพื่อขยายบริการโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย TRUE ไม่ต้องจ่าย 1,217.5 ล้านบาท ชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดี

วันที่ 27 ต.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 10/2551 หมายเลขแดงที่ 55/2557 ลงวันที่ 26 มิ.ย.2557 ที่ให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ต้องชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาพิพาทเป็นเงินจำนวน 1,217.5 ล้านบาท บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,217.5 ล้านบาท แก่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และปฏิเสธการขอบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าว

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว บริษัททรู คอร์ปอ เรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดี ได้ยื่นฟ้องว่า เมื่อปี2534 ผู้ฟ้องคดีและบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกฟ้องคดีได้ทำสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย ต่อมาเกิดข้อพิพาทขึ้นคู่กรณีจึงได้เสนอข้อพิพาทดังกล่าวต่อคณะอนุญาโตตุลาการเป็นข้อพิพาท หมายเลขดำที่ 10/2551 หมายเลขแดงที่ 55/2557 โดยมีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ผู้ฟ้องคดีชำระเงินให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยข้อพิพาทเกินขอบเขตแห่งข้อตกลงตามคำเสนอข้อพิพาท เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากเห็นว่าการที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2546 และวันที่ 11 ก.พ.2546 มีผลทำให้ส่วนแบ่งรายได้ของบริษัททีโอทีฯลดลง แต่ส่วนแบ่งรายได้ของบริษัททรูฯยังคงเท่าเดิม จึงขัดต่อพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527และเป็นมติที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายตกเป็นโมฆะ และให้บริษัท ทรู ฯชำระเงินผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาพิพาทเป็นเงินจำนวน 1,217,505,724.17 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,217,505,724.17 บาท นั้น เป็นคำชี้ขาดข้อพิพาทที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลต้องเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว อีกทั้งเป็นคำชี้ขาดข้อพิพาทที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ซึ่งการบังคับตามคำชี้ขาดดังกล่าวย่อมเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

 

ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดต้องปฏิเสธการขอบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวตามมาตรา 43(4)และมาตรา 44 พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ 2545

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"บิ๊กเต่า" เผยเช็กมือถือ "บอสพอล" พบคลิปรีดไถ "นักร้อง-นักการเมือง" เพียบ จ่อเรียกสอบปากคำ
“ภูมิ​ธรรม​-​อนุทิน”​ ประสานเสียง ไม่หวั่น​กกต. รับคำร้อง​ยุบเพื่อไทย​ปม​ 6 พรรคร่วม ให้“ทักษิณ”ครอบงำ
เปิดตัวสุดปัง! Chester’s Flagship Store @Siam ชูคอนเซ็ปต์ 'Good Food Good Mood' เพิ่มสีสันให้แลนด์มาร์กคนรุ่นใหม่
รอลุ้น “ธีรภัทร” เผยพร้อมย้ายช้าง “พลายดอกแก้ว” พรุ่งนี้ หลังผลตรวจเลือดออก
"ชูศักดิ์" ไม่หวั่น​ หลังมีข่าว​กกต.​รับคำร้องคดียุบเพื่อไทย
ตร.รวบ “เหม่ง ปากดำ” ยูทูปเบอร์คนดัง ขวัญใจวัยโจ๋ เจ้าของยอด 5 ล้านวิว พบเอี่ยวเว็บพนันฯ กว่า 10 เว็บไซต์
เหยื่อดิไอคอนกรุ๊ปยังไม่หมด ! แม่จูงมือลูกสาวป่วยออทิสติก เข้า แจ้ง ตร.พัทยา ลงทุนสมัครดีลเลอร์กว่า 2 แสนบาท ซัดเวรกรรมมันติดจรวด บอสพอลสมควรได้รับมัน
"ตร.สอบสวนกลาง" เตรียมปิดรับแจ้งความคดี "ดิ ไอคอนกรุ๊ป" ล็อตแรก
“วันนอร์” พร้อมตรวจสอบทางลึกพวกแอบอ้าง ชี้หากกมธ.ไม่จัดการ ประธานอาจถึงขั้นถูกศาลฎีกาให้พ้นตำแหน่ง
"สพป.ขอนแก่น เขต 2" สั่งพักราชการ ผอ.โรงเรียนดัง ปมไม่จ่ายเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐาน 500 บาทให้เด็ก นร.ยากจน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น