วันที่ 29 ตุลาคม 2565 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ที่เริ่มเปิดให้ประชาชนใช้จ่ายตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2565 จะสิ้นสุดลงในวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เวลา 22.59 น. โดยผู้ที่ยังมีวงเงินคงเหลือให้เร่งใช้สิทธิ หากเลยระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิสำหรับวงเงินที่เหลือทันที
รัฐบาล เตือนประชาชนเร่งใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้ เวลา 22.59 น.
ข่าวที่น่าสนใจ
โดย ณ วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 มีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบวงเงินโครงการ 800 บาทแล้ว จำนวน 10.26 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 42.71 ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิใกล้ครบวงเงินโครงการ 800 บาท จำนวน 10.82 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 45.05 ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด
จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังมีสิทธิคงเหลือ เร่งใช้จ่ายให้ครบวงเงินโครงการภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้
กระทรวงการคลัง เผยว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม 2565 เวลา 23.00 น. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 36,022.36 ล้านบาท
ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เพื่อรักษาแรงส่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 65 ได้มีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน โดยโครงการหรือมาตรการจะต้องดำเนินการได้ในช่วงปีใหม่ และโครงการนั้นๆ ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และประกาศเตือนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
รัฐบาลได้เล็งเห็นว่าขณะนี้เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ขณะที่ประชาชนบางส่วนถูกกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จึงต้องมีมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือและถือเป็นของขวัญในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ด้วย โดยหลังจาก ครม.ได้มีมติไปเมื่อวันที่ 18 ต.ค.แล้ว ขณะนี้หน่วยงานต่างๆ อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน/โครงการ ซึ่งเร็วๆนี้จะทยอยนำเสนอต่อ ครม. เพื่อให้มีผลดำเนินการได้ในช่วงปีใหม่ที่ตามระยะเวลาที่ ครม.กำหนดต่อไป
โดยในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้ ได้มีการเตรียมมาตรการต่างๆ ไว้แล้ว อาทิ ช้อปดีมีคืน หรือคนละครึ่ง ระยะที่ 6 ซึ่งนายพรชัย ระบุว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณา โดยในการช่วยเหลือจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง