นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)เมื่อวันที่22 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นให้ทุกกระทรวงทำงานร่วมตามแนวทางและมาตรการตามที่คณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ได้เสนอเข้ามา ขณะนี้รัฐบาลเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โดยเร่งแก้ไขปัญหาการติดเชื้อในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งติดตามผลดำเนินงานโครงการภูเก็ตโมเดล และสมุยพลัสโมเดล ตามเป้าหมายเปิดประเทศใน 120 วัน และจะมีการขยายโครงการต่อไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพต่อไปสำหรับที่ประชุม ศบศ. ได้มีการรับทราบการดำเนินการมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่นำร่อง ในโครงการ Phuket Sandbox และ Samui Plus Model รวมทั้งยังได้มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย
นายอนุชา เปิดเผยต่อว่า นายกฯเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งโครงการคนละครึ่ง, โครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ และพิจารณานำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน และให้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรการของรัฐ เช่น การลงทะเบียนออนไลน์เพื่อร่วมโครงการ ชี้แจงข้อสงสัย รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ ให้ประชาชนเข้าใจมาตรการรัฐในระดับพื้นที่ด้วย
อีกทั้งยังมอบหมายให้ ศบศ. นำผลการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนในการประชุม 40 ซีอีโอพลัส มาขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ร่วมฟื้นฟูประเทศร่วมกับภาคเอกชน และเร่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เช่น ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง ผู้มีกำลังซื้อสูง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้สูงอายุ เข้าประเทศไทยเพื่อสนับสนุนกำลังซื้อภายในประเทศอีกทางหนึ่ง และให้เร่งพิจารณาแผนงานของทุกกระทรวง ที่อยู่ในงบประมาณฯปี 2564 และ 2565 ที่เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย หากติดขัดเพราะสถานการณ์โควิด-19สามารถชะลอได้และพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด