หลังจากปิดสภาไปนาน 2 เดือน ล่าสุด 1 พ.ย.จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 ที่น่าจะเป็นสมัยประชุมสภาครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ก่อนจะครบวาระสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 มี.ค.2565 เรียกว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเมืองของปลายรัฐบาลเรือแป๊ะของบิ๊กตู่แล้ว ในส่วนการประชุมสภาในสมัยนี้ไฮไลต์สำคัญที่ต้องจับตาก็คือกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมลับดาบเชือดรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญๆ 2 เรื่อง หนึ่งคือการยื่นญัตติด้วยวาจา เพื่อหารือและสอบถามนายกฯ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีเหตุฆาตกรรมในศูนย์เด็กเล็กอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภูเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2565 ส่งผลให้มีเด็กเล็ก ครู และประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมาก ที่งานนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านพุ่งเป้าชำแหละรัฐบาลเรือแป๊ะเรื่องการแก้ไขปัญหา “ยาเสพติด” และ “อาวุธปืน” ที่ล้มเหลว เพราะมียาเสพติดล้นเมืองสนนราคาหลักสิบบ้านหาง่ายยิ่งกว่าขนมหรือลูกอมเด็ก ส่วนอาวุธปืนก็พกกันให้เกร่อก่อเหตุฆ่าโหดยิงกันตายไม่เว้นแต่ละวัน จนเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุนองเลือดที่ว่าและหลายเหตุการณ์ชวนสยองหลายคดีในอดีต
สองคือการเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.152 ที่ฝ่ายค้านเล็งๆไว้ว่าจะยื่นตอนเปิดสภา แต่จะขอเปิดอภิปรายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิคแล้วเสร็จในวันที่ 14-19 พ.ย. งานนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมประเด็นการบริหารประเทศผิดพลาดสารพัดเรื่องมาขยี้รัฐบาลโจมตีนายกฯอัดพรรคร่วมรัฐนาวาเรือแป๊ะ งานนี้เตรียมวางวันเวลาให้ใกล้เคียงช่วงใกล้ๆยุบสภา กะว่าจะสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง โจมตีการบริหารประเทศผิดพลาดของนายกฯและควาไม่เอาไหนของรัฐบาล ลากยาวไปถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเวลาอันใกล้ “ ศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นในกลางเดือนธันวาคมนี้จะเป็นเสมือนของขวัญปีใหม่จากฝ่ายค้าน เพื่อสอบถามการแก้ปัญหายาเสพติด การใช้อาวุธปืนเกลื่อนกลาดขาดการควบคุมดูแลที่ดีพอ บ่อนการพนัน กัญชาเสรี การเปิดให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้จนถูกสังคมตั้งคำถาม จะถูกฝ่ายค้ายนำมาชำแหละ และรัฐบาลต้องออกมาชี้แจง เพื่อบอกให้สังคมรับรู้ความจริงว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มีการบริหารที่ล้มเหลวหรือไม่ ” ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทยระบุ
นอกเหนือจาก 2 เรื่องสำคัญที่ฝ่ายค้านลับมีดรอรัฐบาลแล้ว ประชุมสภารอบนี้อย่างที่รู้ว่าจะเป็นสมัยสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นกฎหมายสำคัญที่รัฐบาลพยายามจะผลักดันให้สำเร็จก็ต้องเร่งออกมาให้ได้ในสมัยนี้ เพราะอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าได้กลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกหรือไม่ ทั้งนี้กฎหมายสำคัญที่คณะกรรมาธิการชุดต่างๆ พิจารณาแล้วเสร็จ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในวันพุธที่ 2 พ.ย. สัปดาห์นี้ มีอยู่ 5-6 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2. ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต 3.ร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 4.ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง 5.ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง รวมถึง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาวาระ 1 ของวุฒิสภา (ส.ว.) จะเห็นว่า 3 ใน 5 คือกฎหมายที่มีความร้อนแรงและสุ่มเสี่ยงว่าอาจจะไปต่อลำบาก และเผลอๆอาจกลายเป็นประเด็นร้อนนำไปสู่การแตกหักของรัฐบาลได้ 3 ร่างกฎหมายที่ว่าก้ประกอบด้วย 1.กฎหมายกัญชาเสรี 2. กฎหมายสุราก้าวหน้า ปลดล็อคสุราพื้นบ้าน เบียร์ชุมชน และ 3. กฎหมายกู้เงินกยศ. ไร้ดอกเบี้ย ไร้ค่าปรับ เพราะความที่เป็นกฎหมายสำคัญของฝั่งรัฐบาล ที่งานนี้หลายคนเกรงว่ากฎหมายทั้ง 3 ฉบับอาจกลายเป็นต้นเหตุทำการเมืองไฟลุกในสภาได้ และอาจทำให้ความเห็นของแต่ละพรรคแตกต่างกัน บ่ายวันนี้ ( 31 ต.ค.65 ) นิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาลเลยนัดแกนนำพรรคร่วมที่อยู่ในวิปรัฐบาลมาหารือเพื่อจะได้วางแนวทางของรัฐบาลต่อกฎหมายสำคัญๆให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างน้อยก็พอจะได้รู้ว่ากฎหมายฉบับไหนจะให้ผ่านกฎหมายเรื่องไหนจะให้คว่ำ
ใน 3 กฎหมายที่ว่าไว้พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าดูจะมีปัญหาน้อยที่สุดสำหรับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ได้เป็นกฎหมายหลักที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลแต่เป็นกฎหมายที่นำเสนอโดยพรรคก้าวไกล ที่อยากเสนอให้มีการปลดล็อคการผูกขาดสุราพื้นบ้าน-เบียร์คราฟต์ให้กับคนไทย เพราะที่ผ่านมาหลายสิบปีธุรกิจน้ำเมาถูกผูกขาดโดยนายทุนยักษ์ใหญ่ เจ้าสัวตระกูลดัง มาเป็นชาติ ไม่มีทางไม่มีโอกาสที่คนตัวเล็กบรรดาชาวบ้านจะลืมตาอ้าปาก ได้ทำเหล้าพื้นบ้านได้ทำเบียร์ชุมชนหาเงินเลี้ยงตัวเองกันได้บ้าง เพราะติดอุปสรรคเรื่องข้อกฎหมายยุบยิบมากมายไปหมด มารอบนี้พรรคก้าวไกลสบช่องเสนอปลดล็อคกฎหมายฉบับนี้เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจเหล้าเบียร์ได้บ้าง ไม่ใช่ผูกขาดทำได้แค่ 10 ยี่ห้อ ฟันกำไรมากมายมหาศาลชั่วกัปชั่วกัลป์ ใครจะเข้าไปทำบ้างก็ไม่ได้ ตั้งกำแพง ตั้งกฎเกณฑ์เอื้อแต่นาย งานนี้ต้องเดาใจว่าแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะเอาอย่างไรกับกฎหมายฉบับนี้ จะปล่อยฟรีโหวต หรือเลือกจะคว่ำตามยุทธ์ศาสตร์การเลือกตั้ง เพราะหากไฟเขียวให้ผ่านไป เชื่อแน่ว่าพรรคก้าวไกลเอาไปเคลมเอาไปหาเสียงต่อยอดกันเอิกเกริกแน่นอน แต่สัญญาณล่าสุดที่ออกจากรัฐบาลคือจะคว่ำกฎหมายฉบับนี้ เพราะเกรงจะซ้ำรอยกัญชาเสรี กลัวผลกระทบเรื่องเหล้าเถื่อนเบียร์ไม่ได้มาตราฐาน มอมเมาเยาวชน ฯลฯ ที่ความจริงรัฐบาลสามารถดูแลกำหนดมาตราฐานควบคุมการผลิตเหล้าเบียร์ได้อยู่แล้ว อย่ามัวเอาใจนายทุน หาเงินสนับสนุนเข้าพรรคมากนักเลย คิดถึงหัวอกชาวบ้านตาดำๆบ้าง
ส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชา ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย กับ ร่างกู้เงินกยศ.ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอให้ไร้ดอกเบี้ย งดค่าปรับ กฎหมาย 2 ตัวนี้แหละเชื่อว่าซัดกันแหลกแน่ โดยเฉพาะพ.ร.บ.กัญชา ที่พรรคภูมิใจไทยหมายมั่นปั่นมือว่าจะเอามาเป็นนโยบายขาย เป็นผลงาน “โบว์แดง” อีกหนึ่ง “ธง” ของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งคราวหน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานกับภาคเหนือ ที่ได้รับความนิยมอย่างสุดๆ แตกต่างกันอย่างสุดล่าฟ้าเขียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งแต่หัวหน้ายันลูกพรรคออกมาค้านแสดงความไม่เห็นด้วยเรื่องผลักดันนโยบายกัญชาเสรีแบบสุดตัวเช่นกัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ฐานเสียงสำคัญอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ส่วนหนึ่งมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่จำนวนมาก และส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเรื่องกัญชาเสรี ไม่ว่าจะเป็นนันทนาการหรือสันทนาการ แม้แต่เอามาใช้ทางการแพทย์ก็ยังไม่ค่อยจะเห็นด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เห็นต่างซัดกันเละแน่ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเรื่องกัญชาตอนเสนอวาระ 1 ก็ คว่ำแต่ไม่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านแบบเปิดเผย
ส่วนเรื่องเงินกู้กยศ.นั้นในหลักการทั้ง 2 พรรคใหญ่รัฐบาลต่างเห็นด้วยเรื่องการหาแนวทางช่วยนักศึกษา เปิดโอกาสให้คนเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อช่วยในการพัฒนาโอกาสต่อยอดองค์ความรู้ แต่ในรายละเอียดต่างหากที่เห็นสวนทางกัน พรรคภูมิใจไทยอยากให้กู้ได้แบบไร้เงื่อนไขไม่มีดอกเบี้ยไม่ต้องมีค่าปรับ ปล่อยผีให้คนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยง่าย ความเห็นเหมือนๆแนวทางพรรคเพื่อไทย
แต่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ออกโรงค้านเห็นว่าการทำแบบนั้น จะทำให้เกิดหนี้เสียมหาศาล อนาคตกองทุนขะขาดสภาพคล่องในการบริหารโครงการ ทุกปีรัฐบาลจะต้องเอางบโป๊ะลงไปให้กยศ.มหาศาล ที่สุดโครงการนี้ก็จะล้มเหลว ไม่มีเงินมาให้เด็กรุ่นหลังกู้เอาไปใช้เรียนต่อ สุดท้ายโครงการก็จะมีปัญหาไปต่อไม่ได้ในที่สุด สองคนยลตามช่องพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยดูเหมือนจะงัดกันไปหมดทุกกฎหมาย เพราะมองกันคนละมุมเห็นกันคนละอย่าง ส่วนพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่มีจุดยืนของตัวเองลอยลมไปเรื่อย ไม่มีหลักการไม่มีนโยบายไม่มีกฎหมายอะไรเป็นของตัวเองเลยสักอย่าง ใครจะจูงไปทางไหนก็ไปหมดขอแค่ผลประโยชน์ลงตัวกับพรรคของตัวเองก็เอาด้วยหมด งานนี้ต้องจับตาดูว่าถึงที่สุดกฎหมายทั้ง 3 ฉบับรัฐบาลจะเอาอย่างไร แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะงัดกันหนักจัดกันเต็มมากน้อยขนาดไหน เพราะตอนนี้ทั้ง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ “เสี่ยอู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็พร้อมแตกหักอยู่แล้วเพื่อปกป้องนโยบาย ฐานเสียงของพรรคตัวเอง งานนี้ฟันธง 3 กฎหมายที่ว่าทำพรรคร่วมรัฐบาลร้าวแน่ แต่ถึงร้าวยังไงก็คงไม่แตกหักแน่นอน อย่าลืมว่า 2 พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยทำสัญญาใจจับมือตั้งรัฐบาลครั้งหน้ากันแล้ว ส่วนหาเสียงเลือกตั้งก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า แต่แก่นแท้หลังเลือกตั้งยังไงก็ไม่ตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไม่เอากับขั้วทักษิณแน่นอน
/////////////////