เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (31 ตุลาคม 2565) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแสง ได้รับแจ้งมีชายป่วยเสียชีวิต อยู่ในบ้านสวน ไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุรุดออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน, อุดรสว่างเมธาธรรมสถาน จุดบริการ อ.หนองแสง โดยมีนายมงคล ดอนขัน อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านวังทอง หมู่ 14 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี นำชี้จุดเกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ ชั้นเดียว ไม่มีรั้ว อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังและไร่อ้อย ห่างจากบ้านวังทอง หมู่ 14 ต.หนองไฮ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร พบศพนายประพันธ์ เพิ่มพูน อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี นอนหงายเปลือยกาย อยู่ที่พื้นข้างแคร่ไม้ที่จัดไปที่นอน ในตัวโถงบ้าน มีเลือดและน้ำหนองไหลเต็มพื้น ส่งกลิ่นโชยไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตโรคประจำตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน และมีเพียง ด.ช.ก็อต อายุ 5 ปี หลานชายผู้ตาย นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านตามประสา เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปื้อนเลือดและหนอง โดยไม่ทราบว่าผู้เป็นตาได้เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนที่อาสากู้ภัยจะนำร่างผู้ตายไปชันสูตรที่โรงพยาบาลหนองแสง จ.อุดรธานี และให้ญาตินำตัวเด็กไปดูแลก่อนในเบื้องต้น
ต่อมาเวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดป่าช้าปุญญาวาส บ้านลาดทอง หมู่ 13 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพนายประพันธ์ฯ ญาติพี่น้องและผู้นำชุมชน ได้จัดเตรียมพิธีสวดอภิธรรมศพ โดยนายสิทธิพงษ์ เพิ่มพูล อายุ 20 ปี ลูกชายผู้ตาย และเป็นลุงของน้องก็อต ได้พาหลานมากราบศพตา และร่วมรับมอบน้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้ง จากทางมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน เนื่องจากเป็นครอบครัวยากจนมีรายได้น้อย ญาติลงความเห็นว่าจะทำพิธีฌาปนกิจในวันพุธ ที่ 2 พฤศจิกายนนี้
นางรัชณี คูณเศรษฐ์ อายุ 50 ปี ญาติผู้ตาย เล่าว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย เป็นคนพบศพผู้ตายคนแรก ก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านเห็นผู้ตายเข้ามาซื้อของในช่วงบ่ายวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นอีกเลย ผู้ตายมีอาชีพเผาถ่านขาย ผู้ตายพิการเดินไม่สะดวก ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายเมื่อหลายปีก่อน บ้านหลังนี้ผู้ตายอยู่กับหลานน้อย 2 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกสาว ลูกสาวของผู้ตายไปทำงานในเมืองอุดรธานี ส่วนภรรยาผู้ตายป่วยเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีครึ่ง วันก่อนพบศพชาวบ้านที่ผ่านไปมา ก็สังเกตอยู่ว่าทำไมบ้านเงียบ เห็นแต่หลานน้อยวิ่งเล่นอยู่คนเดียว