วันที่ 2 พ.ย.2565 ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เช้าวันนี้ (2 พ.ย.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรก หลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.2565 โดยก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นการปรึกษาหารือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องผลกระทบจากน้ำท่วม แต่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หรือเจี๊ยบ ก้าวไกล ได้อภิปรายปัญหาม.112 โดยระบุว่า ขอหารือ ผ่านไปยังผู้บริหารศาลอาญาเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษา ซึงขณะนี้มีประชาชนคนไทยจำนวนมาก เชื่อว่าการทำงานของผู้พิพากษาถูกแทรกแซง โดยเฉพาะคดีทางการเมือง และมาตรา 112 โดยเฉพาะคดีอาญาที่เกิดจากมาตรา 112 มีจำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมโดยใช้กฎหมายทุกมาตรา หลังจากที่เคยบอกว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระเมตตา จะไม่ดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 กับใครอีกแล้ว ขอยกตัวอย่างคดีของนายอานนท์ นำภา ทนายความและนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับรางวัลระดับสากล จากประเทศเกาหลีใต้ นายอานนท์ ถูกดำเนินคดีมาตรา 116 จากการปราศรัย ในเดือนส.ค.ปี 63 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และภายหลังถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 อีกหนึ่งคดี ภายหลังจากที่นายกฯ ประกาศจะดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ขับไล่ตัวเอง โดยจะใช้กฎหมายทุกมาตรา
เปิดสภานัดแรก ส.ส. นำปัญหาความเดือดร้อนประชาชนจากผลกระทบน้ำท่วม หารือจำนวนมาก แต่“เจี๊ยบ ก้าวไกล” กลับใช้เวทีพาดพิงสถาบัน อวยผู้ต้องหาม. 112 “ชวน” สั่งห้ามพูดถึงสถาบัน
ข่าวที่น่าสนใจ
“ขณะนี้คดีความ ม.112 ที่มีอยู่จำนวนมาก อยู่ในชั้นสืบพยานในศาลจำนวนมากและเมื่อจำเลยจะให้ศาลออกหมายเรียกพยานเพิ่มเติม เพื่อนำมาต่อสู้คดี แต่ผู้พิพากษากลับไม่ออกหมายเรียกหลักฐานให้กับจำเลย ทั้งที่เป็นอำนาจของผู้พิพากษา โดยผู้พิพากษาใช้ข้ออ้างว่า ถูกสั่งห้ามโดยผู้บริหารศาลอาญา ขออ้างนี้หมายถึงอะไร จำเลยจำเป็นต้องหลักฐานมาต่อสู้ อาทิ หลักฐานการเดินทางเข้าออกของในหลวงรัชกาลที่ 10 ระหว่างประเทศไทยกับเยอรมัน หมายเรียกคำพิพากษาศาลแพ่ง ที่เคยพิพากษายึดทรัพย์ในหลวงรัชกาล 7 เอกสารการใช้เงินของสถาบันกษัตริย์ หลักฐานการโอนหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ไปเป็นของส่วนพระองค์ การไม่เปิดโอกาสให้จำเลย ใช้พยานหลักฐานสู้คดีอย่างครบถ้วน” นางอมรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อพูดมาถึงช่วงนี้นายชวน เตือนว่า ขอเตือนด้วยความหวังดีอย่าไปไกล เราปรึกษาหารือเรื่องประโยชน์ของประชาชน อย่าไปไกลถึงเรื่องสถาบัน แต่ นางอมรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี่้เป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับสาธารณชน มากที่สุด และเป็นเรื่องที่ท่านประธานไม่กล้าพูด
นายชวน จึงกล่าวว่า ตนขอเตือนด้วยความปราถนาดี ไม่ได้ชื่นชมที่กล้าพูดหรอกครับ แต่ว่าเตือนด้วยความหวังดีกับพวกเราทุกคนว่าเราอยู่ในข้อบังคับของกฎหมาย พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพาดพิงถึงสถาบัน แม้แต่สถาบันศาล ข้อเท็จจริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นข้อเท็จจริงก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ ขอร้องไม่ให้พูดถึงสถาบันครับ
นางอมรัตน์ กล่าวสวนว่า ถ้าคนที่เป็นตัวแทนประชาชนไม่กล้าพูด แล้วจะให้ใครพูดค่ะ และพยายามจะพูดต่อ แต่นายชวน ได้ปิดไมค์ไม่ให้พูด และให้จบได้แล้ว ประธานสั่งให้พอก็พอได้แล้วครับ ตนเตือนด้วยความปราถนาดี
จากนั้นนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ประท้วงประธานว่า ข้อบังคับประธานต้องวางตัวเป็นกลาง นางอรมรัตน์ ยังพูดไม่จบ และนางอมรัตน์ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง กรณีนี้นางอมรัตน์ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ และยังพูดไม่จบ
นายชวน กล่าวว่า เพราะความเป็นกลางถึงต้องเตือน ถ้าไม่ได้เตือนก็จะไม่เป็นกลาง ตนต้องดูแลสภา เราอยู่มา 3 ปีกว่า เกือบ 4 ปีแล้ว พยายามประคับประคอง สถาบันอื่นจะเป็นอย่างไรก็ตาม สถาบันเราต้องเป็นหลัก ต้องอยู่ในกรอบ กฎเกณฑ์ กติกา กฎหมาย ตนสั่งอย่างไร ประธานมีอำนาจในการใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควร กรณีนางอมรัตน์ถือว่าจบแล้ว นางอมรัตน์ได้พยายามประท้วงว่าคำวินิจฉัยของประธานไม่ถูกต้อง แต่นายชวนยืนยันไม่ให้พูด และให้ยุติการอภิปราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง