ประเด็นร่างพ.ร.บ.กัญชา -กัญชง ถ้าใครติดตามมาตลอดก็จะทราบดีว่าเป็นประเด็นร้อนตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินการยกร่างกฎหมายมาแล้ว ถือเป็นประเด็น “ธง” เป็นนโยบายสำคัญของพรรคภูมิใจไทยมาตลอดตั้งแต่การเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ 23 มี.ค.2562 ก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะผลักดันจนสำเร็จภายใต้การนำของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข จนสามารถปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ แต่การนำกัญชาเอาไปใช้ยังมีข้อจำกัดอยู่อีกมากและมีช่องว่างทางกฎหมายอีกเยอะ โดยเฉพาะความเป็นห่วงจากหลายฝ่ายที่เห็นกันแล้วว่าตอนช่วงฮันนีมูนพีเรียด เมื่อมีการปลดล็อคให้กัญชาไม่เป็นพืชยาเสพติด เอาง่ายๆว่าปล่อยให้เป็น “กัญชาเสรี” ส่งผลให้มีปัญหาตามมามากมาย ทั้งการตั้งขายกัญชากันเอิกเริก การนำกัญชาไปใช้ไปสูบไปบริโภคกันแบบสุดโต่งเกินขอบเขตของประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน ไปๆมาๆเป้าหมายที่จะปลดล็อคกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทยเลยต้องลดเพดานมาเหลือแค่การใช้ “ทางการแพทย์” เท่านั้น ขณะที่การใช้กัญชาในเชิง “สันทนาการ-นันทนาการ” ต้องถูกปิดตายลงไป เมื่อมีกระแสกดดันอย่างหนักพรรคภูมิใจไทยเลยต้องเสนอร่างพ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ออกมาควบคุมพืชตัวนี้แบบคู่ขนานเพื่อไม่ให้ไทยกลายเป็นอาณาจักรกัญชาเมืองเอกของพืชชนิดนี้ แต่ประเด็นปัญหาก็ตามมาอีกเพราะการจะออกกฏหมายให้สำเร็จมีความล่าช้า และดูเหมือนจะมีเจตนาจากพรรคการเมืองหลายพรรคไม่อยากให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านออกมาบังคับใช้ได้สำเร็จ
ย้อนอดีตกลับไปดูเส้นทางของกฎหมายฉบับนี้ 8 มิ.ย.2565 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. ด้วยคะแนนเสียง 373 ต่อ 7 เสียง งดออกเสียง 23 เสียง จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมาย 25 คน แบ่งเป็น ครม. 5 คน พรรคการเมือง 20 คน ประกอบด้วย เพื่อไทย 6 คน พลังประชารัฐ 4 คน ภูมิใจไทย 3 คน ประชาธิปัตย์ 2 คน ก้าวไกล 2 คน เศรษฐกิจไทย 1 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน เสรีรวมไทย 1 คน พร้อมกับกำหนดเวลาแปรญัตติ 15 วัน โดยให้ใช้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของเสี่ยหนูเป็นร่างหลักในการพิจารณาในวาระที่ 2 จากนั้นในวันที่ 15 ก.ย.2565 ที่ประชุมสภาได้พิจารณา ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ในวาระที่ 2 แต่การเสนอกฎหมายรอบนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่พรรคภูมิใจไทยหวังไว้ เพราะสมาชิกหลสยพรรคมีการตีรวน และเห็นแย้งกับเนื้อหาของร่างกฎหมายที่เสนอในหลายมาตรา ที่สุดก็มีการเสนอให้ถอนร่างนี้ออกไปก่อนเพื่อไปปรับปรุงให้สอดคล้องกับข้อห่วงใยและข้อท้วงติงที่สมาชิกหลายพรรคเสนอ ก่อนที่ที่ประชุมจะลงมติเห็นด้วย 198 : 136 ให้ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา -กัญชงออกไป โดยฝ่ายที่เสนอให้ถอนประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 93 คน , พรรคพลังประชารัฐ 47 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 30 คน , พรรคเสรีรวมไทย 9 คน, พรรคเศรษฐกิจไทย 7 คน, พรรคประชาชาติ 6 คน, พรรคเพื่อชาติ 2 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน, พรรครวมพลัง 1 คน, พรรคปวงชนไทย 1 คน, พรรคก้าวไกล 1 คน ด้านส.ส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการถอนร่างกฎหมายฉบับนี้จำนวน 136 คน ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 59 คน, พรรคก้าวไกล 41 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 8 คน, พรรคเพื่อไทย 7 คน, พรรคพลังประชารัฐ 3 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน, พรรคท้องถิ่นไทย 3 คน, พรรคเศรษฐกิจไทย 3 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 2 คน, พรรคเพื่อชาติ 2 คน, พรรคชาติพัฒนา 1 คน, พรรคประชาภิวัฒน์ 1 คน, พรรคพลังธรรมใหม่ 1 คน สรุปก็คือ เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบให้ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกไปจนปิดสภาผ่านมา 2 เดือน
ล่าสุดอย่างที่ทราบกฎหมายกัญชาเตรียมถูกเสนอกลับมาพิจารณาใหม่ในวาระ ที่ 2 และ 3 แต่เรื่องนี้ก็ยังเดือดไม่รู้จบ และภาค 2 ภาค 3 ดูเหมือนจะเดือดกว่าภาคแรก เพราะฝ่ายพรรคภูมิใจไทยก็ต้องการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกไปให้ได้ ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยก็ต้องการสกัดกฎหมายฉบับนี้แบบสุดฤทธิ์ มองในมุมของความห่วงใยบ้านเมืองเป็นห่วงเยาวชนก็พอเข้าใจได้ 2 พรรคอ้างในทำนองกลัวว่าถ้าปล่อยผีเสรีกัญชาแล้วจะมีขายกันเกลื่อนเมือง อีกหน่อยสังคมจะมีปัญหาให้ตามแก้กันไม่รู้จบ แต่ถ้ามองในมุมการเมืองต้องบอกว่าพรรคภูมิใจไทยได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “หอกข้างแคร่” เป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แม้จะเป็นเต้ยในพื้นที่ภาคใต้มาตลอด แต่อนาคตกรณีที่เลือกตั้งรอบหน้า 14 จังหวัดภาคใต้จะได้ส.ส.เพิ่มจาก 50 เป็น 58 คน แถมพรรคภูมิใจไทยประกาศรุกคืบกวาดส.ส.15 คนขึ้นไป จอง 3 จังหวัดชายฝั่งทะเลฝั่งอันดามัน กระบี่ พังงา ภูเก็ต รวมถึงสงขลาและพื้นที่อื่นๆ ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการคุกคามพรรคเจ้าถิ่นสีฟ้าแบบตรงๆ ที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้อย่างที่รู้มีชาวไทยมุสลิมอยู่มาก คนอิสลามไม่เอากัญชาเลยเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีงานนี้เลยต้องออกตัวค้านเรื่องนี้แบบสุดฤทธิ์เพื่อชูธงให้เห็นว่าพรรคไม่สนับสนุนเรื่องกัญชา เวลาหาเสียงจะได้ใส่ภูมิใจไทยแบบเต็มๆ ไม่แปลกที่ทั้งคู่จะเปิดศึกพรรคร่วมรัฐบาลอัดกันแบบหมัดต่อหมัด ชนิดไม่กลัวเรือแป๊ะแตกเพราะยอมกันไม่ได้ และไหนๆก็ปลายรัฐบาลแล้ว และคนที่รับบทหัวหอกในเรื่องนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ “เสี่ยตาล” สาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีฝีปากกล้า ส.ส.ตรังเบอร์ใหญ่คนเล็กเสียงดังของพรรค ที่รับบทจิกกัดไม่ปล่อยตามสไตล์เด่นของตัวเอง ล่าสุดออกมาอัดพรรคเสี่ยหนูไม่เอาความเห็นต่าง ข้อเสนอแนะ 18 ข้อที่พรรคการเมืองท้วงติง รวมถึงข้อเสนอของคณะแพทย์ที่เสนอแนะไปปรับในร่างกฎหมายเลย ประชุมกมธ.ก็ทำแบบผ่านๆ 2-3 ครั้ง สักแต่จะดันให้กฎหมายกัญชาผ่านหวังคะแนนเสียงอย่างเดียวแบบไม่รับผิดชอบต่อสังคม เจอแบบนี้ไม่คว่ำได้ไง
ข้างฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็รู้ๆกันอยู่ว่ากาหัวพรรคภูมิใจไทยเป็นศัตรูทางการเมืองหมายเลข 1 ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญ เสี่ยหนูครูใหญ่เนประกาศจะปักหมุดคว้าส.ส.ให้ได้มากกว่าเดิม 20 จังหวัดอีสาน จาก 116 คน เที่ยวหน้าจะได้เพิ่มเป็น 132 คน ใครชนะอีสานคนนั้นได้เป็นรัฐบาลคว้าเก้าอี้นายกฯ รอบก่อนอีสานเพื่อไทยกวาดไป 84 คน ภูมิใจไทยได้ไป 16 คน แต่รอบนี้พรรคสีน้ำเงินสายใบเขียว ตั้งเป้าหวังไว้มากกว่านั้นที่เห็นชัดๆ ตอนไปงานวันเกิดเนวินก็ 9 คนแล้ว อนาคตยังมีส.ส.เพื่อไทยอีกเพียบจะย้ายพรรคไปอยู่กับภูมิใจไทย อดีตก็มีเรื่อง “งูเห่า-งูฝาก” คาใจกันอยู่ อนาคตก็หมายมั่นจะช่วงชิงพื้นที่ไปอีก ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยเหมือนคู่ขนาน น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้ ทักษิณเพื่อไทยล้มเจ้า “อนุทิน-เนวิน” เชิดชู อุดมการณ์ก็ต่างกันแล้ว ไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยจะออกมาโจมตีกฎหมายกัญชาแบบสุดๆ มอมเมาเยาวชนเกินเลยประโยชน์ทางการแพทย์ เยาวชนต่ำกว่า 20 ปี ดูดกัญชาเพิ่ม 2 เท่า สารพัดข้อเสียประเด็นทางลบประเคนใส่ร่างก.ม.กัญชา-กัญชงเพื่อตีตกไม่ให้ผ่านค้านเรื่องนี้แบบหัวชนฝา ปล่อยไปเพื่อไทยมีแต่ตายหยั่งเขียดเพราะคนอีสานชื่นชอบนโยบายนี้
ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยออกมาแย้งออกมาขวางเรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่พรรคร่วมรัฐบาลคนในเรือแป๊ะกันเองมาเบรกเรื่องกัญชาแบบหัวทิ่ม เสี่ยหนูเลยยอมไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็ออกมาประกาศจะไม่ทนให้พรรคร่วมก่นด่าแซะเรื่องนี้อีกต่อไป ล่าสุดเจอเสี่ยตาลออกมาขวางลำรอบนี้เสี่ยหนูถึงกับสวนกลับรับงานใครมาหรือป่าว เลือกตั้งรอบหน้าอาจต้องสลับไพ่พรรคร่วมรัฐบาลไหม ทางใครทางมัน ยันเดินหน้าเรื่องนี้ต่อเพราะรับปากประชาชนไว้แล้ว ส่วนใครจะขวางก็ไปแก้ตัวกับชาวบ้านเอง ย้ำเกินเยียวยาที่จะพูดอธิบายระหว่างพรรคร่วม นายกฯต้องลงมาแก้ปัญหาเรื่องนี้เอง ข้างฝ่ายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ก็อัดพรรคสีฟ้าในทำนองพรรคอายุเยอะเก่าแก่แต่กลับไม่มีมารยาททางการเมือง ด่าเสี่ยตาลรับแทงคว่ำกฎหมายกัญชามาหรือป่าว ถึงเดินหน้าจะคว่ำกฎหมายแบบไม่สนสี่สนแปดไม่ฟังเหตุผลห่าเหวอะไรเลย ที่ลอยตัวสุดเห็นจะเป็นพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ความจริงตอนถอนร่างก็ยกมือถึง 40 คน ไม่อยากให้กัญชาผ่านเหมือนกัน แต่ฉลาดแกมโกงไม่ยอมออกตัวมาด่ามาแสดงความเป็นเรื่องนี้ แต่ยืมมือพรรคสีฟ้าให้ด่าแทน เรื่องกัญชาเสรีถ้าทำแค่พอดีก็ถือว่าเหมาะ ภูมิใจไทยก็เอาแค่ทางการแพทย์ ประชาธิปัตย์ก็อย่าตีกินขย่มเพื่อนฝูงจนเกินงาม จะให้กลับไปเป็นยาเสพติดแบบพรรคสีฟ้าเสี่ยตาลแถลงก็ดูจะพูดเอาแต่ได้จนเกินไป ไหนคนที่ปลูกกัญชาแล้วจะทำไง ที่ตั้งโรงงานแปรรูปก็ลงทุนไปบานเบอะ ไหนคนติดคนเสพกัญชาที่ถูกปล่อยต้นพ้นโทษออกมา ไหนชาวบ้านที่รับกัญชาไปปลูกกันทั่วบ้านทั่วเมือง คิดเอาแต่มุมการเมืองก็ดูจะทุเรศและเห็นแก่ตัวจนเกินไป 2 พรรคใหญ่ร่วมรัฐบาลกัดกันหนักแบบนี้ จะบริหารประเทศต่อไปกันยังไง มีแววยุบสภาอาจมาเร็วกว่ากำหนดที่บิ๊กตู่คิดไว้ว่าจะยุบสภาเดือนม.ค. คนกลางอย่างพล.อ.ประยุทธ์ก็คงเหนื่อย เพราะดันมาอยู่กลางเขาควายที่สองพรรคร่วมงัดกันพอดี ไปซ้ายก็ยากอยู่ขวาก็ลำบาก ประเด็น กัญชา-กัญชง ต้องมองต่างมุมแบบกลางๆ แล้วเราจะได้ประโยชน์แบบจริงๆ แต่ช่วงนี้คงไม่เหมาะที่จะมาคุยเรื่องละเอียดอ่อนผุกพันผลประโยชน์มหาศาลแบบนี้ ใกล้ช่วงเลือกตั้งอะไรก็ผิดเพี้ยนไปหมด เจตนารมย์ดีๆก็ถูกบิดให้กลายเป็นเลวชั่วได้ แต่ละพรรคก็ล้วนแล้วแต่พูดเป็นพื้นฐานผลประโยชน์ของตัวเอง จะมีพรรคไหนพูดเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านอย่างแท้จริงบ้างไหม
////////////////