สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (หรือ IEA) ออกเอกสารฉบับใหม่เกี่ยวกับอนาคตของตลาดพลังงาน โดยในรายงานมีการคาดการณ์ว่า ก๊าซในสหภาพยุโรปจะขาดแคลนในฤดูหนาวปี 2023-2024 เนื่องจากประเทศในยุโรปอาจไม่สามารถสะสมพลังงานในช่วงฤดูร้อนได้เพียงพอ ซึ่งในปีนี้ มีหลายปัจจัยที่ทำให้ยังกักเก็บได้ แต่ในปี 2023 อาจไม่มีปัจจัยเหล่านี้แล้ว เช่น การส่งก๊าซจากรัสเซีย ที่ในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับระดับเดิม แม้ว่าจะเริ่มน้อยลงจากการคว่ำบาตร และปัญหาท่อก๊าซรั่ว ที่เพิ่งพบเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สหภาพยุโรปยังได้รับประโยชน์จากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (หรือ LNG) ที่เข้ามาชดเชยการรับก๊าซรัสเซียที่ลดลง แต่เมื่อดูแนวโน้มล่าสุด และการพัฒนาที่เป็นไปได้ในตลาดก๊าซทั่วโลกและยุโรป ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างอุปสงค์และอุปทานของก๊าซ, ระยะเวลาในการเติมก๊าซช่วงฤดูร้อน, การหยุดส่งก๊าซอย่างสมบูรณ์ของรัสเซีย, และการนำเข้า LNG สิ่งเหล่านี้ ก็อาจทำให้ยุโรปต้องเผชิญกับการจัดเก็บที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ว่า ฤดูหนาวครั้งต่อไป อาจจะรุนแรงกว่าฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
ขณะเดียวกัน ทางด้านของฝรั่งเศส นางอันแยส ปานนิเยร์-รูนาแชร์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานฝรั่งเศสได้เปิดเผยกับทางสถานีวิทยุของฝรั่งเศสว่า ทางการได้เร่งทำการซ่อมแซมเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 แห่งจาก 12 แห่ง ที่เมื่อเดือนพฤษภาคมพบว่า มีปัญหาการกัดกร่อน เพื่อทำการกลับมาเปิดใช้อีกครั้งก่อนฤดูหนาว โดยทางผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (หรือ EDF) ได้มีการจ้างช่างกว่า 100 คน มาซ่อมแซม เพื่อให้สามารถเปิดใช้ได้ทันเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสผลิตไฟฟ้าจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 56 แห่งได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีบางส่วนเริ่มปิดตัวเพื่อการบำรุงรักษา จนปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เปิดดำเนินการอยู่เพียง 31 แห่ง ซึ่งทาง EDF ก็ให้คำมั่นว่า จะเร่งเปิดเครื่องปฏิกรณ์ในทันก่อนฤดูหนาว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในประเทศ หลังจากที่ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติของฝรั่งเศส (RTE) ได้ออกมาเตือนว่า มีโอกาสที่จะเกิดไฟดับช่วงฤดูหนาว ซึ่งหากต้องการหลีกเลี่ยงไฟดับ ก็จะต้องลดการใช้พลังงานลง 1-5 เปอร์เซ็นต์