สืบเนื่องจากการที่ นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น เข้ายื่นหนังสือถึง พลตรี ธำรงโรจน์ เต็มอุดม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (ผอ.รพ.รร.6) เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดี กรณีตรวจพบการปลอมและใช้เอกสารปลอม เพื่อเสนอราคาโครงการจ้างเหมาทำความสะอาดอาคารภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ประจำงวด 12 เดือน ด้วยวิธีประกวดราคาเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงิน จ้างเหมาประมาณ 50 ล้านบาท
เหตุผลเพราะได้รับการร้องเรียนและการแจ้งข้อมูลจากเครือข่ายของกลุ่มฯ ว่า การจ้างเหมาทำความสะอาดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ตามเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ 9/2563 ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 วงเงินจ้างเหมาประมาณ 50 ล้านบาท น่าจะมีการดำเนินการไม่เป็นไปตามร่างขอบเขตของงาน ไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
ขณะที่ TOP NEWS ลำดับความเป็นมาของเหตุกรณีดังกล่าว สรุปความว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ประกาศแผยแพร่การจัดซื้อจัดจ้าง ร่างขอบเขตของงาน หรือ ทีโออาร์ คือ คุณสมบัติของผู้ประกวดราคา หรือ เสนอราคา ต้องมีประสบการณ์ในการรับเหมา ทำความสะอาดในสถานพยาบาล และ ทำความสะอาดสำนักงานสูง โดยต้องแสดงหนังสือรับรองผลงานและสำเนาสัญญาจ้างที่ครบกำหนดแล้วจากหน่วยงานนั้น ๆ
รวมถึงยังต้องมีความพร้อมในแรงงาน คือ มีจำนวนผู้ควบคุมงานและพนักงานทำความสะอาดที่เพียงพอกับความต้องการของโรงพยาบาล โดยหัวหน้าผู้ควบคุมงานและพนักงานทำความสะอาด จะต้องเป็นพนักงานของผู้เสนอราคา โดยต้องไม่เป็นคนต่างด้าวและไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีการทำประกันสังคมถูกต้องตามกฎหมาย
และ ต้องผ่านการฝึกอบรมด้านการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในโรงพยาบาล ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน HA , ISO หรือ JCI อย่างใดอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยอันตราย ชนิดขยะเคมีบำบัดและการอบรมอัคคีภัยจากโรงพยาบาลของรัฐ หรือ หน่วยงานสาธารณสุข พร้อมใบประกาศนียบัตร หรือ หนังสือรับรองการฝึกอบรม (มีอายุไม่เกิน 2 ปี ) **** จำนวน 209 คน และ มีพนักงานทำความสะอาดสำรอง เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน ในกรณีที่พนักงานทำความสะอาดหลักไม่สามารถทำงานได้ *****
จากนั้นปรากฎว่า ผู้เสนอ 3 ราย ประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจำกัด แคร์ แอนด์ คลีน , บริษัทมัดชา เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท N มีเพียง บริษัทมัดชา เซอร์วิส จำกัด เท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และตรวจพบด้วยว่า บริษัท N เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยการยื่นเอกสารอันเป็นเท็จ
จากการที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลภูมิพลฯ ให้ตรวจสอบเอกสาร หนังสือรับรอง และ รายชื่อผู้ผ่านฝึกอบรม จัดการขยะ และการแพร่กระจายเชื้อ บริษัท N ที่เข้าร่วมประมูล ปรากฎว่า บริษัท N ได้ยื่นสำเนาหนังสือรับรอง การผ่านฝึกอบรมการบริหารจัดการขยะและลดการแพร่กระจายเชื้อ ลงวันที่ 30 ส.ค. 2562 ออกให้โดยโรงพยาบาลภูมิพลฯ กรมแพทย์ทหารอากาศ พร้อมแนบรายชื่อผู้เข้าอบรม จำนวนทั้งสิ้น 266 คน
แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฏว่ามีจำนวนผู้ผ่านเข้าอบรม จำนวนเพียง 199 คน และ มีรายชื่อผู้เข้าอบรมตรง กับรายชื่อที่ทางบริษัท N ยื่นไว้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพียง 136 คน จึงถือว่าเป็นการยื่นเอกสารเท็จ
อย่างไรก็ตาม TOP NEWS พบว่าถึงแม้ บริษัท N จะยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง และ คณะกรรมการฯ เห็นว่าคำอุทธรณ์ของบริษัท N มีน้ำหนักเพียงพอ พร้อมส่งเรื่องกลับให้ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง และดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง
แต่กรณีดังกล่าวมีประเด็นข้อเท็จจริง ชัดเจนต้องติดตามต่อไปว่า ความผิดดังกล่าวสำเร็จแล้วหรือไม่ หลังจากทางคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคาฯ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้เคยสอบถามประเด็นข้อกฎหมายกับนายทหารพระธรรมนูญ และมีการยืนยันการกระทำผิดของบริษัท N ว่า สำเนารายชื่อพนักงานของบริษัท N ได้รับการอบรมประจำปี ณ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช นำมากล่าวอ้าง เป็นเอกสารที่บริษัท N ทำขึ้นเอง
และมีข้อเท็จจริงปรากฎชัด บริษัท N จัดทำรายชื่อ ผู้ผ่านการฝึกอบรมฯ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ หากยังนำมาแสดงต่อคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคาฯ เพื่อใช้เป็นเอกสารเสนอราคา จึงถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจากการที่ บริษัท N แสดงเอกสารเสนอราคาเป็นเท็จ
นายทหารพระธรรมนูญ ระบุด้วยว่า บริษัท N ไม่สามารถเปลี่้ยนแปลงสาระสำคัญ ที่เสนอไว้แล้วในทีโออาร์มิได้ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 รวมถึงคณะกรรมการฯสามารถตัดรายชื่อบริษัท ผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นออกจากประกวดราคาได้ ดังนั้นกรณีนี้จึงเสมือนว่า การกระทำของบริษัท N ผู้ยื่นข้อเสนอ อาจเป็นเหตุอันควรสงสัย ว่ามีการกระทำอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรมหรือกระทำการโดยไม่สุจริต
เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความเท็จต่อพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และ หากคณะกรรมการฯเห็นควรให้มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทผู้ยื่นข้อเสนอ ขอให้มีหนังสือรายการข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวต่อ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป