สื่อถามสภาฯผู้บริโภคลำเอียงหรือไม่ อ้างผู้สนับสนุน 2,000 ขวางควบรวม TRUE-DTAC ทั้งที่ผู้ใช้บริการทั้งหมด กว่า 95 ล้าน

ถือเป็นประเด็นต่อเนื่อง ภายหลังจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเสียงข้างมาก รับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC พร้อมกำหนดเงื่อนไขสำคัญ ๆ ในการออกเป็นมาตรการเฉพาะ เพื่อดูแล ป้องกันการผูกขาด และ การคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเข้มงวด

เหตุเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ยังคงมีการเคลื่อนไหวคัดค้าน ประกาศเชิญชวนทุกคนร่วมลงชื่อสนับสนุนสภาองค์กรของผู้บริโภค ในการฟ้องศาลปกครองเพิกถอนมติเสียงข้างมาก กสทช. พร้อมขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนนำมติผิดกฎหมาย ไปดำเนินการเรื่องการควบรวมธุรกิจ

ล่าสุด วันนี้ (10 พ.ย.65) สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) นำโดยน.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค , นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล , นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้เดินทางมายื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนมติ กสทช. กรณีที่ควบรวมระหว่าง TRUE – DTAC และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา

โดย น.ส.สารี ระบุ สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้เดินทางมายื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บอร์ด กสทช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ สำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต่อศาลปกครองกลาง โดยมีผู้ฟ้องคดีจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย สภาองค์กรของผู้บริโภค ผู้รับบริการทั้ง 3 เครือข่าย และผู้บริโภคที่ร่วมสนับสนุนทั้งสิ้น 2,022 ราย เพื่อให้เพิกถอนมติกสทช. “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่าง ทรู-ดีเเทค เมื่อวันที่ 20 ต.ค.

พร้อมอ้างว่าสภาองค์กรของผู้บริโภค ต้องการให้กสทช.ใช้อำนาจของตนเองตามกฎหมาย ไม่ใช่แค่ “รับทราบ”และลงมติให้ควบรวมโดยที่การลงมติ เห็นด้วย 2 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 เสียง และงดลงคะแนน 1 เสียง

ข่าวที่น่าสนใจ

ดังนั้น สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงได้ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา เพื่อขอให้ศาลโปรดมีคำสั่ง ดังนี้

1. ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทั้งหมด โดยให้ผลแห่งการทุเลาคำสั่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2565

2. ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งห้ามหรือระงับการกระทำและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทั้งหมดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

3. ขอให้ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยดำเนินการชะลอหรือระงับการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทระหว่างทรูและดีแทคไว้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

4. ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ชะลอหรือระงับการรับจดทะเบียนและการดำเนินการควบรวมบริษัททรูและดีแทคไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

โดย น.ส.สารี ย้ำว่า การเดินหน้าคัดค้านการควบรวมกิจการทรู-ดีแทค เพื่อต้องการรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชน ไม่ให้ประชาชนต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นกว่า 244% และไม่ได้เป็นการทำเพื่อองค์กรใดองค์กรหนึ่ง จะเห็นได้จากผู้ที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนกว่า 2,000 รายชื่อ จากผู้ใช้บริการทั้ง 3 ค่าย เพราะไม่ต้องการให้เกิดการควบรวมและการผูกขาดขึ้นในอนาคต ซึ่งจำนวนรายชื่อดังกล่าว ถือว่า เป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้จัดทำกิจกรรมขึ้นมา

เมื่อผู้สี่อข่าวถามว่า การมาฟ้องครั้งนี้ คนจะคิดมั้ยว่า เราจะเข้าข้างผู้ประกอบการรายใดหรือเปล่า น.ส.สารี กล่าวว่า เราไม่คิดแบบนั้น ต้องเรียนว่า สภาฯ ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนผู้บริโภค ทุกคนทราบดีว่าตอนนี้เรามีอยู่ 3 เจ้า สิทธิผู้บริโภคบอกว่าเรามีสิทธิที่จะเลือก ตอนนี้เราเลือกได้น้อยลง นั่นก็คือการผูกขาดโดย 2 เจ้า 48 ล้าน 49 ล้าน 2 เจ้า เค้าไม่ต้องทำอะไรแล้ว นั่นก็คือการผูกขาดและเป็นผลกระทบอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คำนวณออกมาแล้ และถ้าฮั้วกัน เราต้องจ่ายแพงถึง 244.5% เพราะฉะนั้น กระทบกับผู้บริโภคแน่นอน สภาผู้บริโภคฯ ไม่เคยลำเอียงกับบริษัทไหนเลย

ทั้งนี้ น.ส.สารี กล่าวด้วยว่า สภาผู้บริโภคไม่ได้รังเกียจ 2 เจ้าที่จะมาควบรวมกัน จริงๆ กสทช.ควรทำให้ 2 เจ้า แข่งกับ AIS ได้มากขึ้น เราคิดว่านั่นคือทางออกที่ดี แล้วก็ควรจะทำ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลฯ ไม่คุ้มครองจะทำอย่างไร น.ส.สารี กล่าวว่า เราไม่คิดว่า อย่างนั้น เราไม่คิดเหมือนคุณค่ะเสียใจด้วย เราคิดว่าศาลฯ จะคุ้มครองฯ

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2565 ได้มีตัวแทนกลุ่มผู้บริโภคผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ TRUE และ DTAC เข้ายื่นหนังสือต่อ “มูลนิธิผู้บริโภค” เพื่อเรียกร้องให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่ต้องการให้มีการควบรวม 2 เครือข่ายโทรศัพท์โดยเร็ว เช่นเดียวกับการรับฟังเสียงของกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย เนื่องจากผู้บริโภคทุกกลุ่มมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน ตามสิทธิที่พึงมี โดยไม่เบียดเบียนสิทธิผู้อื่น

พร้อมทั้งเห็นว่า หากมูลนิธิฯ จะฟ้องศาลคัดค้านการควบรวม TRUE- DTAC นั้น จะต้องเป็นผู้เสียหายและมีผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ์ แต่การดำเนินการของมูลนิธิผู้บริโภคและสภาคุ้มครองผู้บริโภคกำลังเดินสายอ้างสิทธิ์ผู้บริโภคและกำลังละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภคอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการให้เกิดการควบรวม โดยหวังเข้าถึงบริการ 5G และบริการใหม่ๆ เพื่อคุณภาพสินค้าและบริการที่ดีขึ้น

ในทางตรงข้ามผู้บริโภคเห็นข้อดีมากมาย และเห็นชัดเจนว่าการควบรวมครั้งนี้จะทำให้ลูกค้า TRUE และ DTAC ได้ประโยชน์ทันที พร้อมเชื่อมั่นในบทบาทและอำนาจกสทช. ที่ผ่านมา สามารถดูแลผู้ใช้บริการตามกฎหมายที่มีอยู่เป็นที่น่าพอใจ จึงขอเรียกร้องให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริโภคตัวจริงด้วยการนำเสนอชุดข้อมูลอีกด้านต่อสาธารณชน รวมทั้งเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้การควบรวมครั้งนี้ล่าช้าไปกว่านี้อีก เพราะผลที่เกิดขึ้นกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคที่จะได้ประโยชน์ทันทีหลังการควบรวม

อย่างไรก็ตามถ้าย้อนกลับไปเทียบสัดส่วนผู้บริการใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย มีจำนวนมากถึง 95.95 ล้านเลขหมาย แยกเป็น AIS 44.1 ล้านเลขหมาย ขณะที่ TRUE มีจำนวนประมาณ 32.25 ล้านเลขหมาย และ DTAC มียอดลูกค้า ประมาณ 19.60 ล้านเลขหมาย หรือเฉพาะ 2 ค่าย ที่จะมีการควบรวมธุรกิจ มียอดลูกค้าประมาณ 51.85 ล้านเลขหมาย

กสทช., ทรู, สภาฯผู้บริโภค, TRUE-DTAC, ดีแทค, ควบรวมทรูดีแทค, ผนึกทรูดีแทค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง