เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ สภ.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี พ.ต.อ.ชนะไชย เกษมวงศ์ ผกก.สภ.เสม็ด พ.ต.ท.วุฒินันท์ นามแสงหัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รองผกก.สภ.เสม็ดได้นำตัว น.ส.พรประภา หรือหนึ่ง จูกลิ่น อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/12หมู่ 3 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี และ น.ส.จันจิรา หรือมิ้น ตันสิน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 11 ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.นครนายก ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกง
โดยอ้างว่าฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่ปรากฏว่าได้นำน้ำเกลือไปฉีดให้กับผู้เสียหาย พร้อมทั้งเรียกเงิน 19,000 บาท ซึ่งมีทั้งหมด 5 คน ประกอบไปด้วย น.ส.ประเสริฐ บุญส่ง อายุ 60 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 192หมู่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ น.ส.สุนันท์ โฉมงาม อายุ 49 ปีบ้านเดิมอยู่ที่ 462 หมู่ 1 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร นางอนงค์ โฉมงาม อายุ 68 ปีอยู่บ้านเลขที่ 89/214 หมู่ 5 ต.ห้วยกะปิ อ.เมือง จ.ชลบุรี นายประสิทธิ์ บุญส่ง อายุ 53 ปีและ ด.ญ.ธัญวรัตน์ บุญส่ง อายุ 12 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/103 หมู่ 5 ต.ห้วยกะปิ อ.เมืองจ.ชลบุรี และได้เสียเงินที่ถูกอ้างว่าจะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้แต่กลับฉีดน้ำเกลือให้แทนคิดเป็นเงิน 19,000 บาท มาดำเนินการสอบปากคำเบื้องต้น
สืบเนื่องมาจากตำรวจ สภ.เสม็ดได้รับการประสานงานจากนายจิระสันต์มีรัตน์ธนวัต เภสัชกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจ.ชลบุรีว่ามีการลักลอบนำวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกมาจำหน่ายและฉีดให้กับประชาชน โดยมี น.ส.พรประภา หรือหนึ่งเป็นผู้ประสานงานในราคาเข็มละ 2,200 บาทซึ่งในความเป็นจริงจะต้องได้รับการจัดสรรจากภาครัฐจึงได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและได้ควบคุมตัว น.ส.พรประภามาสอบปากคำและให้การรับสารภาพได้ความว่า น.ส.พรประภาได้ร่วมกับน.ส.จันจิราหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถนำวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าออกมาจำหน่ายและฉีดให้กับผู้เสียหายได้และได้ทำการฉีดผู้เสียหายทั้งหมด 5 คน คิดเงิน 19,000 บาทนอกจากนี้ผู้เสียหายยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้รับวัคซีนมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองชลบุรีแต่อย่างใดส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่อ้างว่านำมาฉีดให้กับผู้เสียหายนั้นเป็นน้ำเกลือส่วนอุปกรณ์การฉีดได้ซื้อมาจากร้านขายยาทั่วไป ส่วนเอกสารใบนัดฉีดวัคซีนเข็มที่2 นั้น ได้แอบเอาแบบฟอร์มไปถ่ายเอกสารเพื่อมอบให้กับผู้เสียหายในการสอบปากคำครั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าทำผิดจริงพ.ต.อ.ชนะไชย จึงได้แจ้งข้อหาในการกระทำความผิดประกอบไปด้วยร่วมกันฉ้อโกง ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตและกระทำการพยาบาลนอกสถานที่พยาบาล ซึ่งจะได้ส่งฟ้องศาลต่อไป
นางอนงค์ โฉมงาม ผู้เสียหายกล่าวว่าครั้งแรกตนเองจะไปฉีดวัคซีนที่หอประชุมเทศบาลเมืองบ้านสวนซึ่งจะเป็นการฉีดวัคซีนซิโนแวค แต่ได้รับคำแนะนำจากน.ส.พรประภาทำงานเกี่ยวกับร้านขายยา ซึ่งเป็นแฟนของน้องชายให้ไปฉีดแอสตร้าเซนเนก้า เพราะอายุเกิน 60 ปีแล้วปลอดภัยกว่าโดยจะจองผ่านโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เมืองชลบุรีใช้สิทธิพนักงานจะได้รับสิทธิพิเศษลดราคาจึงได้ตกลงฉีดพร้อมกันทั้งครอบครัวในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนัดฉีดวันที่ 21กรกฎาคม ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลานัดหมายได้มีการนำพยาบาลมาฉีดให้ที่บ้าน อ้างว่าไปโรงพยาบาลเสี่ยงติดเชื้อซึ่งฉีดทั้งตนเอง แม่ของตน ลูกสาว สามี พี่สาวแฟน จ่ายเงินไปทั้งหมด 19,000 บาท นางอนงค์กล่าวว่า ส่วนสาเหตุว่าเป็นน้ำเกลือเนื่องจากต้องการใบรับรองว่าฉีดเข็มแรก และเตรียมที่จะฉีดเข็มที่ 2 ปรากฏว่าไม่ยอมนำมาให้จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามทางโรงพยาบาลว่ามีการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหรือไม่ ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าไม่มีการฉีดไม่มีการจองทางโรงพยาบาลขอความร่วมมือจนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวมาได้และให้การรับสารภาพว่าได้นำน้ำเกลือมาฉีดให้ตนเองและคนในครอบครัวจริง