นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ว่า องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ได้พิจารณา และให้การรับรองวัคซีนซิโนแวค-โคโรนาแวค (Sinovac-CoronaVac) ที่ผลิตโดย บริษัทซิโนแวค ประเทศจีน ว่ามีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล มีความปลอดภัย มีประสิทธิผล และอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน (WHO Emergency Use Listing : EUL) เพื่อป้องกันโรคโควิด 19 ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นมา โดยแนะนำให้ใช้ในกลุ่มประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป และไม่ได้กำหนดอายุสูงสุด วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิผลในการป้องกันอาการป่วยจากเชื้อโควิดได้ 51% และป้องกันการป่วยที่รุนแรงที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ 100% เป็นวัคซีนลำดับที่ 6 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก รองลงมาจากวัคซีนของไฟเซอร์, แอสตร้าเซนเนก้า, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดอร์นา, ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค ตามลำดับ ซึ่งวัคซีนซิโนแวคมีข้อดี คือสามารถเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้
นพ.อภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า วัคซีน จัดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการควบคุมป้องกันโรค ประเทศไทยได้นำเข้าวัคซีนซิโนแวค โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อนำมาให้บริการประชาชนฟรี ในภาวะฉุกเฉินที่เชื้อกำลังแพร่ระบาดในวงกว้าง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 อย่างเพียงพอ หากมีการติดเชื้อ วัคซีนจะช่วยลดอาการความรุนแรงลงได้ จึงขอให้ประชาชนทั้งที่ได้ฉีดแล้ว และกำลังจะฉีด มั่นใจและคลายความวิตกกังวลในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้
ทั้งนี้ หลังจากที่นำ วัคซีนซิโนแวค มาใช้ในประเทศไทย ซึ่งในระยะแรกฉีดป้องกันโรคในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสเชื้อและติดเชื้อ เช่นบุคลากรทางการแพทย์หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงหากติดเชื้อโควิด เช่น ผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่กำลังมีการระบาด เป็นต้น จากรายงานการศึกษาทางระบาดวิทยา เรื่องการประเมินประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวค และความปลอดภัยของวัคซีนตามมาตรฐานของวัคซีนที่ยอมรับในระดับสากล ของคณะติดตามประสิทธิผลของวัคซีนโควิด 19 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต สมุทรสาคร และเชียงราย ในช่วงเดือนเมษายน 2564 – มิถุนายน 2564 ผลปรากฏว่า วัคซีนมีประสิทธิผล สามารถป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มที่เข้าร่วมการศึกษาใกล้เคียงกัน โดยที่ จังหวัดภูเก็ต ได้ผลสูงถึง 90.7% สมุทรสาค รได้ผล 90.5% และเชียงรายได้ผล 82.8% สามารถป้องกันปอดอักเสบ ซึ่งมีความรุนแรงได้ 84.9% หากฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม จะสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ คือสายพันธุ์อัลฟาได้ ประมาณ 90% ป้องกันปอดอักเสบได้ 85% ซึ่งในขณะนี้ พบสายพันธุ์อัลฟามีการระบาดในภาพรวมทั่วประเทศ 34%
อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันโรคให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด จะต้องใช้หลายมาตรการร่วมกัน การฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เนื่องจากเชื้อโรคเป็นสิ่งมีชีวิตและมีการพัฒนาตัวเองเช่นกัน ประชาชนจะต้องยึดหลักปฏิบัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วยการล้างมือฟอกสบู่หรือล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70% สวมหน้ากากอนามัย 100% ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกัน มั่นใจว่าหากประชาชนทุกคนร่วมมือร่วมใจยึดแนวปฏิบัติที่กล่าวมา เราจะสามารถชะลอการติดเชื้อ และควบคุมโรคได้สำเร็จโดยเร็ว ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422