“นายกรัฐมนตรี” ร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 17

"นายกรัฐมนตรี" ร่วมประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 17

วันที่ 13 พฤศจิกายน เวลา 10.40 น. ณ ห้อง Ballroom III ชั้น Lobby (L) โรงแรมสกคา พนมเปญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ครั้งที่ 17 โดยมีผู้นำหรือผู้แทนจากประเทศที่เข้าร่วม EAS 17 ประเทศ เลขาธิการอาเซียน นายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรียุโรป (President of the European Council) และนายจาง หมิง เลขาธิการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation – SCO) เข้าร่วมประชุม เพื่อทบทวนความร่วมมือในรอบปีที่ผ่านมา กำหนดทิศทางความร่วมมือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยสนับสนุนให้จัดการกับความท้าทายร่วมกัน ตามแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชา เพื่อกำหนดอนาคตของภูมิภาคที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดย EAS ถือเป็นส่วนสำคัญของสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง ในฐานะเวทีหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับผู้นำที่เปิดกว้างและสร้างสรรค์ ซึ่งทุกประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพของภูมิภาค และโลกโดยรวมโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ 3 ประการ เพื่อกำหนดอนาคตของภูมิภาคที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ดังนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

ประการแรก บทบาทและคุณค่าของ EAS ที่เปิดโอกาสให้มีกระบวนการหารือและการเจรจาอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่ง ไทยเชื่อว่า จะนำไปสู่การสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคที่จะช่วยส่งเสริมสันติภาพที่ถาวรและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และเรียกร้องให้ทุกประเทศปรับกระบวนทัศน์ไปสู่การหันหน้ามาร่วมมือกัน ซึ่งทุกประเทศมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ได้ตามความถนัดและศักยภาพของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้ ไทย ยังมุ่งเน้นการรับมือกับประเด็นท้าทายร่วมกัน และผลักดันความร่วมมือแห่งอนาคต อาทิ การพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจและเทคโนโลยีดิจิทัล อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือบีซีจี ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ไทยผลักดันในกรอบเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ด้วย

ประการที่สอง ยึดมั่นในหลักการสำคัญร่วมกัน อาทิ ความเป็นแกนกลางของอาเซียน การเปิดกว้าง การมีส่วนร่วม และหลักการสามเอ็ม กล่าวคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน

ประการที่สาม การแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติ คือหนทางสู่การป้องกันการขยายตัวของปัญหา ลดความตึงเครียด และทางออกสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยไทยยึดมั่นและส่งเสริมให้ฝ่ายต่าง ๆ เคารพและดำเนินการใด ๆ บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นคาบสมุทรเกาหลี

นอกจากนี้ ไทยยังสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการขับเคลื่อนฉันทามติ 5 ข้อเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา และพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยให้ประชาชนเมียนมากว่า 54 ล้านคน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมยืนยันความปรารถนาให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน และพร้อมที่จะสานต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

ประการสุดท้าย นายกฯ ได้เชิญชวนให้ผู้นำเข้าร่วมการประชุมนานาชาติด้านความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืนที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นในต้นปี 2566

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุมต่าง ๆ ทั้งสิ้น 26 ฉบับ โดยเอกสารผลลัพธ์ที่ผู้นำอาเซียนรับรอง ประกอบด้วย เอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน 16 ฉบับ และในกรอบอื่น ๆ กับคู่เจรจา 10 ฉบับ โดยมีเอกสารสำคัญ ได้แก่ แถลงการณ์ผู้นำอาเซียนในโอกาสครบรอบ 55 ปีของอาเซียน (ASEAN Leaders’ Statement on the 55th Anniversary of ASEAN) และแถลงการณ์วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วย “อาเซียน เอ.ซี.ที. : รับมือความท้าทายร่วมกัน” (ASEAN Leaders’ Vision Statement on “ASEAN A.C.T.: Addressing Challenges Together)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.30 น. ณ ห้อง Ballroom I และ II โรงแรมสกคาฯ นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมพิธีปิด และพิธีส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้แก่ให้อินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนใน 2566 จากนั้นในเวลา 15.15 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะออกเดินทางกลับประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) วันนี้ เวลาประมาณ 16.35 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น