นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวการเปิดเผยตัวเลขการจัดส่งวัคซีนภายใต้โครงการโคแวกซ์ ในปี 2564 ซึ่งจะพบว่า ในทวีปเอเซีย ประเทศที่รับได้มากที่สุดคือ อินโดนีเซีย สะสมที่ 14.5 ล้านโดส โดยเป็นวัคซีนจากบริษัท แอสตราเซนเนกา ว่า ไปดูจำนวนของประเทศอื่นๆ ก็จะได้น้อยกว่า 1 ล้านโดส ด้วยซ้ำ หรือ ฟิลิปปินส์ ส่งมอบแล้ว 8 ล้านโดส มาเลเซีย 8 แสนโดสเท่านั้น อีกทั้งหากมองในมุมของประเทศไทยที่ซื้อวัคซีนตรงกับบริษัทผู้ผลิตที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่เดือน กันยายน 2563 ทำให้ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงสิ้นเดือน กกรกฎาคม 2564 ไทยเรามีวัคซีนรวมสะสมทั้งสิ้นประมาณ 27 ล้านโดส แบ่งเป็น แอสตราเซเนกา ราว 12 ล้านโดส และซิโนแวคอีก 15 ล้านโดส และยังมีส่วนที่ได้รับการบริจาคอีกราว 3.5 ล้านโดส ดังนั้นเหตุผลต่างๆ จะดูเฉพาะจุดไม่ได้ เช่น เหตุผลว่าทำไมไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น เพราะการที่เราต้องนำเงินไปวางเพื่อจองวัคซีน ที่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ หรือจะได้กี่โดส ก็อาจจะส่งผลกระทบกับแผนการจัดหาวัคซีนหลักประเทศ ที่เราก็จะต้องนำเงินไปวางเพื่อสั่งซื้อเช่นกัน เราจึงต้องล็อกเป้าในการจัดหาวัคซีนหลักให้ประเทศด้วยการซื้อตรงกับผู้ผลิต เราต้องดิ้นรนหาวัคซีนมาให้ได้ในปริมาณที่มากที่สุด เราจึงต้องติดต่อโดยตรงกับผู้ผลิตแต่ละเจ้า
ส่วนเหตุผลที่ไทยจะเข้าร่วมโคแวกซ์ในปี 2565 เนื่องจากรู้สึกตัวช้าหรือไม่ หรือตัดสินใจพลาดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้มีข้อมูลประจักษ์แล้วว่า แม้แต่บางประเทศที่มีการจองจำนวนมากหรือมีจำนวนประชากรมหาศาล ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนมาก หากไทยจองด้วยก็ไม่ได้ยืนยันว่าเราจะได้มาก อาจจะได้รับ 1-2 ล้านโดส แต่อย่างที่เห็นแล้วว่าแผนจัดหาวัคซีนหลักของเรา ก็หาได้ถึง 27 ล้านโดสแล้ว เราไม่ได้รู้สึกตัวช้า เราติดต่อกับโคแวกซ์มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ผิดพลาด และที่เราจะพิจารณาเข้าร่วมโคแวกซ์ในปีหน้า เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป เราก็วิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง โดยการที่ผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศรายได้สูงที่จองไว้จนเกินพอในปีนี้ และเริ่มมีการบริจาคออกมา เราก็ดูสถานการณ์ปี 2565 และวิเคราะห์แล้วว่า หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนส่งวัคซีนให้กับประเทศรายได้สูงจนเกินพอ ต่อไปก็คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามาในเพื่อจัดสรรให้แต่ละประเทศได้มากขึ้น
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่มีบางฝ่ายวิจารณ์ว่าสร้างภาพ จากการไปลงพื้นที่รับส่งผู้ป่วยโควิด-19ว่า ตนอยู่ในหน้าที่ตรงนี้ ถ้าทำอะไรแล้วมีคนวิจารณ์ก็รับฟังทุกเรื่อง อะไรที่มีประโยชน์ก็รับมาปฏิบัติด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามเอาเวลาที่นั่งคิดว่าใครวิจารณ์ยังไง ไปทำอย่างอื่น เดินหน้าแก้ปัญหา ไปรับผู้ป่วยออกจากบ้านคงจะมีประโยชน์มากกว่า ทำด้วยความสำนึกในหน้าที่ ไม่ต้องสร้างภาพมันก็ปรากฎออกมาเอง