นายหัสนัย ทิพเวช หรือน้าหนุ่ม อายุ 49 ปี นักดนตรีเพื่อชีวิต แต่งตัวและร้องเพลงสไตล์ แอ๊ดคาราบาว ฉุนจัดถูกคนสนิทรู้จักกันในร้านอาหารอ้างตัวเป็นคนใหญ่โตในกรมการปกครองทำตัวเป็นเสี่ย กินเที่ยวเลี้ยงไม่อั้น เปย์ทั้งตนเองและกลุ่มเพื่อน เป็นเดือนๆ แบบว่ากินแค่หมื่นแต่จ่ายสองหมื่น โชว์แจกติ๊บเด็กเสิร์ฟแนวทรงเสี่ย มีคนขับรถให้ ส่วนลดที่ใช้ก็เปลี่ยนมาแบบไม่ซ้ำคัน
วันนี้สุดทนเข้าร้องสื่อฯ หอบเอกสารเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี เผื่อให้เอาผิดกับ นายเอกภพ หรือนายเอก อายุ49ปี ไม่ทราบนามสกุล เรื่องราวมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้ตนเองพร้อมกับเพื่อน ได้รู้จักมักคุ้นกับนายเอกภพ ในขณะที่ตนเองกำลังเล่นดนตรีอยู่ในร้านอาหารเพื่อชีวิตแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี พฤติกรรมคือนายเอกภพ เข้ามาตีสนิททำความรู้จัก จากนั้นก็เดินทางมากินเที่ยวพร้อมกับเลี้ยงอาหารเป็นเวลานานเป็นเดือน พกเงินทีละมากๆ อ้างตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ทำงานอยู่ในกรมการปกครองรู้จักคนใหญ่โตเยอะสามารถสั่งย้ายคนโน้นคนนี้ได้ และยังอ้างว่าตนเองเป็นนักธุรกิจเปิดร้านทองมีเงินหลายพันล้าน ในช่วงที่คบกันทุกคนต่างหลงเชื่อเนื่องจากมีการปฎิบัติตัวมีการฟักเงินจ่ายและโชว์จำนวนมาก เรียกว่าเลี้ยงจนเชื่อง ต่อมานายหัสนัย(ผู้เสียหาย) คิดที่จะลงทุนแปลงสภาพสวนของตนเองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว นายเอก ก็เสนอเงินลงทุนให้โดยอ้างว่าให้ผู้เสียหายออกที่
เดี๋ยวตนเองจะออกเงินลงทุนทำให้เอง ต่อมาเริ่มมีการหยิบยืมเงินชั่วคราว จำนวนหลายแสนบาทโอนไปยังบัญชีคนอื่น ยืมเพื่อนในกลุ่มอีกจำนวนหลายคน รวมแล้วประมาณล้านกว่าบาท และยังอ้างตัวเป็นเจ้าของร้านทองบอกว่าถ้าใครมีทองชำรุดจะเปลี่ยนและซ่อมให้ฟรี เห็นทองของเพื่อนเส้นเล็กก็บอกว่าจะเปลี่ยนให้เป็นเส้นใหม่ใหญ่กว่าเดิม นายหัสนัยหลงเชื่อมอบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทให้ไปหนึ่งเส้นโดยนายเอกบอกว่าจะเปลี่ยนจาก 3 บาทให้เป็น 5 บาทแหวนทอง 1 บาทจะเปลี่ยนให้เป็น 2 บาท พระเลี่ยมทองอีกหนึ่งองจะทำให้ใหม่ใหญ่กว่าเดิมและยังมีเพื่อนหลงเชื่อถูกหลอกไปด้วยอีกเช่นกัน เมื่อนายเอกได้ทองไปแล้วก็ นิ่งเฉย เมื่อทวงก็บ่ายเบี่ยงล่าสุด ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ในวันนี้แล้ววันนี้ผู้เสียหายได้หอบเอกสารรูปถ่ายของผู้ก่อเหตุ รวมถึงคนขับรถ บัญชีธนาคารที่ได้มีการโอนเงินเข้าไปอีก 2 คน รวมทั้งเอกสารการแชทพูดคุยกันพร้อมคลิปเสียง ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดสืบสวนได้รับเรื่องและกำลังรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปทั้งคดีแพ่งและอาญา
“ ก่อนหน้านี้รู้จักกับนายเอกภพในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตนเองเล่นดนตรีอยู่ จากนั้นได้รู้จักมักคุ้นกินเที่ยวอยู่ด้วยกันเป็นเดือน จนกระทั่งรู้จักกันมาเป็นเวลา 15 ปี
สุดท้ายหรอก เอาเงินและทองของตนเองไป วันนี้จึงต้องหอบเอกสารมาแจ้งความพร้อมกับให้สื่อมวลชนได้ช่วยเหลือเพราะตนเองทำงานหาเงินมาเกือบทั้งชีวิตเรียกว่าวันนึงมี 24 ชั่วโมงตนเองนอนเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งร้องเพลงเล่นดนตรีและขายรถรีตามตลาดนัด แต่กลับถูกหลอกเงินไปจนหมดตัว
สมเศียร โชติสนิท ผู้สื่อข่าว ประจำ จ.จันทบุรี