วันที่ 15 พ.ย. 65 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 รายได้รวมจากการให้บริการและการขายสินค้าเติบโตร้อยละ 6.9 จากปีก่อน และร้อยละ 2.8 จากไตรมาสก่อนเป็น 31,436 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งกดดันทั้งภาคธุรกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มทรูยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และอัตรา EBITDA margin ต่อรายได้จากการให้บริการ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนเป็น 14,368 ล้านบาทและร้อยละ 55 ตามลำดับ
การมุ่งเน้นขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล 5G และบรอดแบนด์ซึ่งครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการสรรหาสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและคอนเทนต์ที่เหนือกว่า ได้อย่างครบทุกมิติและทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทำให้ฐานลูกค้าของกลุ่มทรูเติบโตสูงทั้งผู้ใช้งาน 5G บรอดแบนด์และกล่องทรูไอดีทีวีที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 4.5 ล้านราย 4.9 ล้านราย และ 3.5 ล้านกล่อง ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรูไอดีที่มีผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 36 ล้านราย อีกทั้งยังได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นหนึ่งในห้าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยและขึ้นเป็นแพลตฟอร์มไทยอันดับที่ 1 จากรายงานจัดอันดับแพลตฟอร์มดิจิทัลในปี 2565 ของนีลเส็น โชว์ศักยภาพที่แข็งแกร่งในการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์พร้อมสร้างการเติบโตในระดับภูมิภาคและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาคต่อไป
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในไตรมาส 3 ปี 2565 ผู้บริโภคโดยรวมยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้าจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพและต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม กลุ่มทรูยังสามารถปรับตัวและเติบโตได้ ทั้งนี้ก็ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและการแสวงหาแนวทางการให้บริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการให้บริการผ่านข้อเสนอแบบเฉพาะเจาะจงหรือ personalization ที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่ง ปรากฎว่ามีผลตอบรับที่ดีต่อเนื่อง อีกทั้งการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล อย่าง AI Analytics ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอแคมเปญที่ตอบโจทย์ตรงใจไลฟ์สไตล์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ชัดเจนและดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงบ้านลูกค้าด้วยการผสานกับบริการด้านดิจิทัลมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทั้งแคมเปญ True Unlock TV พร้อมคอนเทนต์คุณภาพอีกมากมายบนกล่องทรูไอดีทีวี รวมถึงอุปกรณ์ไอโอทีและโซลูชันผ่าน CCTV cloud เปลี่ยนบ้านให้เป็นบ้านอัจฉริยะ และต่อจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายระบบนิเวศและพัฒนาโซลูชันสำหรับลูกค้าทั้งในกลุ่มผู้บริโภค (B2C) และภาคธุรกิจ (B2B) เพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตและเร่งให้เกิดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในอีกหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของทรูในอนาคต”
ด้านนางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรูยังคงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลงในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทำให้ EBITDA และ margin เติบโตได้ ขณะที่ค่าเสื่อมราคาจากการขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ต้นทุนทางการเงิน รวมถึงขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน กดดันผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีสัญญาณบวกของปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นและกิจกรรมต่างๆ ในประเทศที่เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตและการสร้างรายได้ในไตรมาสถัดๆ ไป และเรายังจะเดินหน้าปรับโครงสร้างต้นทุนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการลดต้นทุนในขณะเดียวกัน พร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป”