จ.ตราด/หลังเกิดศูนย์ประสานงานพรรคสร้างอนาคตไทยในจังหวัดตราดแล้ว นายสนธิรัตน์ สนธิจีรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวกับสื่อมวลชนว่า การเมืองหลังจากการประชุมเอเปคจะเกิดความวุ่นวายมากขึ้น โดยเฉพาะหลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 กฏหมายลูกที่จะใช้ในการเลือกตั้งน่าจะผ่านศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อนั้น นักการเมืองระดับบิ๊กเนมจะเคลื่อนไหวย้ายพรรค,ควบรวมพรรค หรือนักการเมืองลาออกจากพรรคหนึ่งเพื่อไปสังกัดพรรคหนึ่ง ซึ่งจะเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสถานการณ์ขณะนั้นจะสามารถนายกรัฐมนตรีจะสามารถยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ได้ทันที ซึ่งแน่นอนว่า นักการเมืองจะต้องรีบตัดสินใจให้เกิดความชัดเจนว่าจะอยู่พรรคไหน หรืออยู่ขั้วการเมืองไหน
เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตใหม่ กล่าวว่า สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทยมีความพร้อมราว 70 % ที่สามารถประกาศตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งในแต่ละเขตได้แล้ว เหลือที่ยังไม่พร้อมอีกราง 30% แต่หากมีการเลือกตั้งเร็วก็สามารถจัดผู้สมัครลงได้ครบ 100% ทั้งนี้ ทางพรรคก็เน้นในเรื่องกติกาเลือกตั้งที่มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือแบบเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตัวเลขทางพรรคสร้างอนาคตไทยได้มีการประเมินมาโดยตลอด แต่ยังไม่บอกว่า ควรจะเป็นเท่าไร เพราะเรามีเป้าหมายที่พร้อมจะรับใช้พี่น้องประชาชน นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การยืนอยู่บนสถานการณ์ที่ไม่ขัดแย่งกับขั้วการเมืองใด ทั้งขั้วเผด็จการ หรือประชาธิปไตย แต่ขออยู่ขั้วที่ 3 เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนที่ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ที่สุดแล้วพรรคสร้างอนาคตไทยไม่ต้องการให้ประเทศกลับไปสู่สถานการณ์เดิมในอดีตที่เกอดความขัดแย้งกันระหว่าง 2 ฝ่ายจนประเทศไม่สามารถเดินไปยังจุดไหนได้
นายสนธรัตน์ ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นจากสำนักโพลต่างๆแล้วยังไม่มีชื่อดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่ความนิยมของประชาชนที่จะให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ เพราะโพลเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซึ่งในช่วงใกล้เลือกตั้ง หรือช่วงท้ายๆบ้านเมืองจะตัดสินใจว่า ใครคือ คนที่เขาต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งสำคัญทีทพรรคสร้างอนาคตไทยต้องเร่งทำในขณะนี้ก็คือ การประชาสัมพันธ์พรรคเพื่อสร้างความรู้จักในภาพรวมให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีคุณภาพให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตัดสินใจเชือก เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคในการทำงานเพื่อประชาชนในแต่ละจังหวัดตราดไป