“นายกฯ” เปิดฉากประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 แล้ว

"นายกฯ" เปิดฉากประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 แล้ว

วันที่ 18 พ.ย.65.-ตั้งแต่เวลา 07.45น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มารอให้การ ต้อนรับผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เข้าร่วมการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลีย สมเด็จพระราชาธิบดี พระองค์ที่ 29 และนายกรัฐมนตรีสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ อิบนี อัล-มาร์ฮุม ซุลตัน ฮาจี โอมาร์ อาลี ไซฟุดดีน ซาอาดุล ไครี วัดดิน บรูไนดารุสซาลาม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรี แคนาดานายกาบริเอล โบริก ฟอนต์ ประธานาธิบดีชิลี /นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกานายสีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น

จากนั้น ได้เป็นประธานเปิดการประชุม และร่วมการประชุม ภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)”

นายกรัฐมนตรี หวังว่า ผู้นำทุกประเทศมีความสุขกับค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจที่ทางประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา และทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งประเทศไทยเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันถึง 4 ปี และการประชุมเอเปคต่อจากนี้ จะเป็นการร่วมมือกันฟื้นฟูและนำพาภูมิภาคนี้ไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น

สำหรับการหารือในวันนี้ จะหารือกันว่าเอเปคควรทำอย่างไร เพื่อจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน จนถึงปัจจุบันยังต้องต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และถูกซ้ำเติมจากความท้าทายของสถานการณ์โลก ที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบ ไม่ใช่แค่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงมนุษยชาติทั้งหมด จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันบรรเทาผลกระทบและปกป้องโลกของเรา โดยไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกต่อไป ดังนั้น ทุกคนจะต้องปรับมุม วิธีการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจแบบใหม่

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าประเทศไทยได้นำแนวคิดเศรษฐกิจBCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติมาเป็นยุทธศาสตร์ ในการฟื้นฟูจากผลกระทบ โควิด-19 และเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนา และการเติบโตในระยะยาว ที่เข้มแข็ง สมดุล ยั่งยืนและครอบคลุม

โดยย้ำว่าเศรษฐกิจBCG จะประสานแนวคิดเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อที่จะสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย

เศรษฐกิจชีวภาพ เกี่ยวข้องกับการผลิตที่เน้นการนำเทคโนโลยีนวัตกรรม มาสร้างมูลค่าเพิ่มกับสินค้า ที่เป็นทรัพยากร และวัตถุดิบชีวภาพ ที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไป

สำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นระบบการผลิตและการบริโภคสินค้า บริการแบบฟื้นสร้าง โดยมีการวางแผนและการออกแบบระบบ ให้ความสำคัญกับการลดขยะ ในขณะเดียวกัน ต้องพยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนเศรษฐกิจสีเขียว คือการส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ และแนวคิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกำไรควบคู่กับการสร้างสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืนและสังคมด้วย โดยแนวทางทั้งสาม ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้แนวคิดเศรษฐกิจBCG แตกต่างออกไปคือการตระหนักว่าความท้าทาย หลากหลายที่ผสมอยู่ เชื่อมโยงคาบเกี่ยวกัน ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงจะต้องไม่เป็นแบบแยกส่วน ด้วยเหตุนี้เศรษฐกิจBCG จึงให้ความสำคัญ และไทยผลักดันสามแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นองค์รวม เพื่อเป็นผลลัพธ์ที่มีผลทวีคูณและหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง

นายกรัฐมนตรี หวังว่าการสร้างความร่วมมือและการมีความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจBCG เป็นรูปธรรมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และฟื้นความสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นไทยเชื่อว่าแนวคิดเศรษฐกิจBCG มีความเป็นสากล

ดังนั้นการที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเปค ไทยจึงขอเสนอแนวคิดนี้ เข้าสู่การพูดคุยกันในกรอบการประชุม ไม่ว่าจะเป็นแนวทาง การบรรลุเป้าหมาย ด้านความยั่งยืนและสภาพพูมิอากาศ และทำให้ความพยายามของเอเปคในการขับเคลื่อนภูมิภาคไปข้างหน้า ตอบสนองความท้าทาย ที่เร่งด่วนในปัจจุ บัน บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจBCG

ข่าวที่น่าสนใจ

ไทยยังได้ ริเริ่มการจัดทำเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG เพื่อเป็นผลลัพธ์แห่งความจดจำ สำหรับการประชุมเอเปค 2565 โดยเป้าหมายกรุงเทพฯ จะเป็นกรอบแนวทาง ผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของเอเปคอย่างชัดเจน พลิกโฉม สมดุล และ ทะเยอทะยาน โดยมุ่งหวัง ขับเคลื่อนงานภายใต้ 4 เป้าหมายได้แก่

  • 1.สนับสนุนความพยายาม การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ
  • 2.ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอย่างยั่งยืน
  • 3.ผลักดันการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ
  • 4. ปรับปรุงประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์

ดังนั้น ไทยจึงขอขอบคุณที่ผู้นำเศรษฐกิจ ที่จะสนับสนุนเป้าหมาย กรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจBCG จนบรรลุฉันทามติด้วยดี และหวังว่า ผู้นำทุกคนจะได้ ร่วมกันรับรองเอกสารสำคัญดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นมรดกสำคัญของการประชุมเอเปค ประจำปี 2565 เพื่อต่อยอดเป้าหมายกรุงเทพฯ จึงอยากเสนอให้ทุกคนหารือกันว่า แนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะสามารถแปลงวิสัยทัศน์และทิศทางตามที่ระบุไว้ในวิสัยทัศน์ปุตราจายา ของเอเปค ค.ศ. 2040 และแผนปฎิบัติการ ROTROR ไปสู่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเจริญเติบโตที่ยั่งยืน สำหรับคนรุ่นหลัง ดังนั้นเอเปคต้องมองให้ไกล กว่าการฟื้นตัวของการระบาด โควิด-19 ไปสู่การฟื้นสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่น และเอื้อต่อการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน ในฐานะกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจชั้นนำของเราและ แหล่งบ่มเพาะทางความคิด โดย เอเปคจะเร่งสร้างการเติบโตที่มีคุณภาพ เอื้อประโยชน์ทุกคนอย่างเป็นรูปธรรมแก่ทุกคนในระยะยาว แล้วเราจะร่วมมือให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพื่อจูงใจให้ภาคธุรกิจ ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเราจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชน ของเราปรับมุมมองและเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นผู้บริโภค และพลเมืองของโลกที่มีความรับผิดชอบ ได้อย่างไร จึงขอรับฟังความคิดเห็นของผู้นำเศรษฐกิจทุกท่าน

สำหรับตลอดทั้งวันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังจะหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคกับ แขกพิเศษ (APEC Leaders’ Informal Dialogue with Guests) ภายใต้หัวข้อ“การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเอเปคกับหุ้นสว่น ด้านการค้า ประกอบด้วยประเทศฝรั่งเศส กัมพูชาและซาอุดิอาระเบีย

นอกจากนี้ นายกฯจะหารือทวิภาคีกับ Ms. Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนกํารเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF

จากนั้นจะเป็นการหารือระหว่างอาหารกลางวันระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปค กับแขกพิเศษ(WorkingLunch)ภายใต้หัวข้อ“การส่งเสรมิการ เจริญเติบโตที่ครอบคลุมในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤติเงินเฟ้อ”

ส่วนช่วงบ่าย เป็นการการหารือระหว่างผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษา ทางธุรกิจเอเปค หรือ ABAC (เอแบค) โดย
ช่วงหารือเต็มคณะ ABAC Chair จะนำเสนอรายงานประจำปีต่อผู้นำ
เขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งนายกฯจะกล่าวตอบเกี่ยวกับความคาดหวัง และแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้าง การเจริญ เติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม

ต่อด้วยการหารือกลุ่มย่อย แบ่งออกเป็น 5กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบด้วย ผู้นำ 4 เขต เศรษฐกิจ และผู้แทน ABAC 10 คน โดยแต่ละกลุ่มหารือในหัวข้อ เดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเดินรับฟังผลสรุปแต่ละกลุ่ม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พ่อเลี้ยงหื่น! มอมเหล้าลูกเลี้ยง วัย 16 ปี จนขาดสติก่อน ลวนลาม ขณะแม่อยู่ด้วยก็ไม่เว้น เครียดหนักเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย สุดอึ้ง!! เอาเรื่องไปบอกแม่ กลับไม่เชื่อ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยื่นสำนวนคดี “แอม ไซยาไนด์” ให้อัยการด้วยตัวเอง 14 รายการ
ราชกิจจาฯเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้ชื่อใหม่ "เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี"
“แม่สามารถ” เครียดจัด ผูกคอคาห้องขังดีเอสไอ จนท.ช่วยระทึก ห่วงลูกจะอดข้าวประท้วง ขอความเป็นธรรม
เคราะห์ร้าย ! หนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย. ถูกกันสาดหล่นใส่หัวเจ็บสาหัส
ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น