จุดปักธง ในหลวงร.9 ทรงเรือใบ ความภาคภูมิใจแห่งทัพเรือไทย

สถานที่ประวัติศาสตร์ที่คนไทยควรรู้ จุดปักธงที่ในหลวง ร.9 ทรงแล่นเรือใบ ข้ามอ่าวไทย จาก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ความภาคภูมิใจแห่งราชนาวีไทย

สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ โดยมูลนิธิยังมีเรา สำนักข่าวท็อปนิวส์ ร่วมกับ “ครูอะไหล่” ชวัส จำปาแสน เดินทางมาถึงภาพที่5 ครั้งนี้ มีขึ้นที่ อาคารแบดมินตัน ภายใน กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่มีเหล่าศิลปินอิสระมาร่วมวาดด้วย 5 คน ภายใต้ Concept วาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์บูรพกษัตริย์ไทยในอดีต คือ สมเด็จพระเจ้าตากสิน , ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5  , ในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 รัชกาลปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีภาพบุคคลที่เคารพรักและศรัทธาของชาวอำเภอสัตหีบ และชาวทัพเรือไทย คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และ หลวงพ่ออี๋ น้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 “เป็นสุข สืบมาช้านาน” มาเป็นแรงบันดาลใจ

สำหรับเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของทหารเรือและชาวสัตหีบเสมอมา นั่นคือ เหตุการณ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเรือใบจากอำเภอหัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ ข้ามทะเลอ่าวไทยมายังอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ศิลปินนำมาวาด เป็นภาพที่พระองค์ทรงเรือใบ กีฬาที่พระองค์โปรดปรานอีกชนิดหนึ่ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

Top News ได้รับเกียรติจาก นาวาเอก(น.อ.)วิษณุ จันศิริรัตน์ รองผอ.กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พาเดินชมสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ พร้อมเล่าย้อนกลับไปว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 2509 ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงเรือใบ “เวคา” จากหน้าวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน เมื่อเวลา 04.28 น. ข้ามอ่าวไทยไปยังอำเภอสัตหีบ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 60 ไมล์ทะเล หรือกว่า 111 กิโลเมตร เพียงพระองค์เดียว ทรงใช้เวลาในการแล่นใบถึง 17 ชั่วโมงเต็ม ถึงอ่าวเตยงาม นาวิกโยธิน ในเวลา 21.28 น. เมื่อขึ้นฝั่ง ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงนำธงราชนาวิกโยธินที่ทรงนำข้ามอ่าวไทยมาด้วย ปักเหนือก้อนหินใหญ่ที่ชายหาดของอ่าวนาวิกโยธิน และทรงลงพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลาจารึก เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พี่น้องราชนาวีไทยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในฐานะจอมทัพไทย

 

 

และที่ข้างกองหินจุดปักธงมีแผ่นป้ายจารึกกระแสพระราชดำรัสในเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า “การแล่นเรือสอนให้คนคิดเองทำเอง เพราะเมื่อเราลงไปแล่นเรือแล้ว เรือไม่วิ่งจะไม่มีใครมาคอยสอน ต้องคิดเองทำเองว่าลมมาทางไหน ลมแรงขนาดนี้เราสู้ไหวไหม ถ้าไหวเราก็สู้แต่ถ้าไม่ไหวแล้วเรายังสู้เรือก็จะคว่ำ ถ้าลมเบาเราก็จะต้องทำอย่างไรจึงจะวิ่ง แล้วถ้าไม่มีลมเราจะทำอย่างไร เราก็ควรจะนั่งลงสักครู่ให้ลมมา ถ้าเราแล่นเรือเป็น ดูทิศทางลมเป็น ถ้าเราเป็นตัวนี้ เด็กไทยเป็นตัวนี้ แล้วนำมาใช้ชีวิตนำมาใช้ในกิจกรรมได้ ไม่มีขาดทุนเพราะรู้เทคนิคการใช้ชีวิต” ถือเป็นพระราชดำรัสที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยันค่าไฟไม่ได้เพิ่ม แต่ลดลงเหลือ 3.99 บ.ต่อหน่วย
โค้งสุดท้าย "พิพัฒน์" นำทีมภูมิใจไทย เคาะประตูบ้าน ชาวเมืองคอน ขอเสียงหนุน "ไสว" เป็นสส.เขต 8
ชาวเมืองน่าน เข้าพบ "นิพนธ์" อดีตรมช.มหาดไทย ผลักดันพิสูจน์สิทธิ ออกโฉนดที่ดินสำเร็จ หลังรอคอยนานกว่า 30 ปี
"สันติสุข" ปลื้มปริ่ม "ในหลวง-พระราชินี" ทรงขับเครื่องบิน เสด็จฯเยือนราชอาณาจักรภูฏาน ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ สุดประทับใจคนไทย
“ทักษิณ” ลั่นไม่สั่งใครเบรค “กัน จอมพลัง” ยุ่งคดีพีช ฟาด "เต้ มงคลกิตติ์" หลังปูดข่าว
"เจ้าอาวาส" สุดทนขึ้นป้าย “ไม่มีเงินให้ขโมยแล้ว” หลังคนร้ายงัดตู้บริจาคหลายครั้ง
“ทักษิณ” กลับเชียงใหม่อีกครััง เปิดให้รดน้ำดำหัว ขอพรในเทศกาลสงกรานต์ ก่อนช่วย “อัศนี” หาเสียงพรุ่งนี้
“นายกฯ” เตรียมลุยประชุม ครม.สัญจร หลังออกจาก รพ.แล้ว จ.นครพนม 28-29 เม.ย.นี้
"ดีอี" ยกระดับศูนย์ AOC 1441 สู่ ศปอท. เพิ่มประสิทธิภาพบูรณาการข้อมูลปราบ “โจรออนไลน์”
"กนก" โพสต์แฟนข่าว "ท็อปนิวส์" เต็มอิ่ม สนุกสุดทัวร์ย้อนประวัติศาสตร์ "ลั่วหยาง-ซีอาน"

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น