ชัดเจน “อ.วรัชญ์” ชี้โชคดีแค่ไหน ไม่ได้คนกลุ่มนี้เป็นผู้บริหารประเทศ

“อ.วรัชญ์” ย้อนถามม็อบปมต้องการล้มเอเปค ทั้งที่เป็นโอกาสทองของประเทศ ชี้โชคดีไม่ได้คนกลุ่มนี้เป็นผู้บริหารประเทศ

วันที่ 19 พ.ย. 2565 ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ข้อหาที่กลุ่มม็อบต้องการให้ล้มประชุมเอเปค คือ “นโยบาย BCG นั้นหลักการดี อันนี้แกนนำเคยพูดเอง แต่เอื้อเฉพาะนายทุน ประชาชนชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”

ข่าวที่น่าสนใจ

ผมเลยขอถามว่า
1. นโยบาย BCG นั้นมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจให้รักษาสิ่งแวดล้อม ถ้าสิ่งแวดล้อมดีขึ้น โลกเรายั่งยืนขึ้น ชาวบ้านได้ประโยชน์ไหมครับ หรือได้ประโยชน์เฉพาะนายทุน? และไม่ใช่แค่ชาวบ้าน หมีขั้วโลก ป่าไม้ ท้องทะเล และลูกหลานชาวบ้าน รวมทั้งลูกหลานม็อบที่ไปทุบ คฝ. ก็ได้ประโยชน์ด้วย

2. มีหลักฐานอย่างไร ว่านโยบายการเจรจาการค้าต่างๆนั้น จำกัดประโยชน์เฉพาะนายทุน? เปิดตลาดในต่างประเทศ เกษตรกรได้ประโยชน์ไหม ชาวประมงได้ประโยชน์ไหม นักท่องเที่ยวเข้าไทย ชาวบ้านภาคบริการได้ประโยชน์ไหม เกิดงาน เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไหม?

3. ประโยชน์ที่นายทุนได้ ก็ย่อมมี แต่นายทุนก็คือธุรกิจของไทย ถ้านายทุนไทยเจริญก้าวหน้า บริษัทใหญ่โตขึ้น ชาวบ้านได้ประโยชน์ด้วยไหม? มีการจ้างงานเพิ่ม ซื้อสินค้าวัตถุดิบ กระจายความเจริญไปในจังหวัดต่างๆ เกิดการลงทุน สร้างสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับความเจริญ ชาวบ้านได้ประโยชน์ไหม? เดี๋ยวนี้ชาวบ้านเขามีช่องทางขายตรงกันเยอะแยะแล้ว ใครก็ทำเองได้ ปลากุเลา เนื้อวากิว อะไรต่างๆที่เป็นข่าว ไม่ใช่ชาวบ้านเหรอครับ หรือเป็นนายทุน?

4. ความร่วมมือต่างๆที่จะเกิดขึ้นในเชิงสังคม ระหว่างไทยกับชาติชั้นนำ อันนี้แทบจะไม่เกี่ยวกับนายทุนเลย แต่เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่นการศึกษา สถาบันโคเซ็นของญี่ปุ่นที่จะก่อตั้งเพิ่มเติม การวิจัย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี และทุนการศึกษา มันกลับเป็น “โอกาส” ให้กับคนไทย ลูกหลานชาวไร่ชาวนา ตาสีตาสา ที่ขยันเรียน รักดีใฝ่ดี มีสมองคิดรู้ดีรู้ชั่ว จะได้พลิกชีวิตขึ้นมาจากโอกาสที่มาจากความร่วมมือกับนานาประเทศเหล่านี้ได้

นี่คือ “โอกาสทอง” ของไทย ที่ได้เกิดขึ้นจากการประชุมเอเปคครั้งนี้ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และอาจจะเป็นลบด้วยซ้ำหากจัดการไม่ได้ดีเช่นนี้ ซึ่งอันที่จริงจะว่าไป ก็เป็นการสะท้อน “ความไม่เท่าเทียม” ของไทยจริง แต่เป็น “ความไม่เท่าเทียมทางสมอง” ของคนไทยบางกลุ่ม ที่คนส่วนใหญ่มองเห็นดาวดาวพราวพราย และภาคภูมิใจ ดีใจกับโอกาสของประเทศและลูกหลานรวมถึงของโลก แต่บางคนมองเห็นแต่โคลนตม แถมยังจะชวนคนอื่นมาคลุกโคลนตมกับตนเอง ซึ่งในที่สุดบัวใต้น้ำเหล่านี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นที่จะเป็นเหยื่อของเต่าปลา นั่นคือทั้งคนและสื่อที่คอยยืนเชียร์ให้คลุกโคลนตมต่อไป โดยที่ตัวเองคอยเก็บกินผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบของเรตติ้ง โหนกระแสด่า หรือผลประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่สนใจประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเลย โชคดีแค่ไหนของประเทศไทย ที่ไม่ได้คนกลุ่มนี้เป็นผู้บริหารประเทศนะครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. เปิดบ้านศิลปินแห่งชาติ "ร.ต.ทวี บูรณเขตต์" ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างสรรค์ประติมากรรม "พระพุทธชินราช" จำลอง
ศาลให้ประกันตัว "สมรักษ์ คำสิงห์" ตีวงเงิน 4 แสนบาท คดีพรากผู้เยาว์-พยายามข่มขืนสาว 17
นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯร่วมพิธีลงนาม FTA ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาล สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน
กรมโยธาธิการและผังเมือง เน้นย้ำ “มาตรการป้องกันฝุ่น” ก่อสร้างอาคาร ร่วมเดินหน้าเร่งแก้ไข PM 2.5
“เต้” เล่านิทานคืนสยองขวัญ “คนบนฝั่ง” อำนาจล้น-สั่งปิดปากคดี “แตงโม”
ผู้นำสิงคโปร์เตือนสงครามโลกหากถูกบังคับเลือกข้าง
ทหารเกาหลีเหนือพุ่งโขกเสาหนีโดนจับ
ผู้นำสหรัฐฯจี้ปูตินจบสงครามไร้สาระหรือเจอแซงชั่น
สหรัฐฯขึ้นบัญชีฮูตีองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ
DSI เข้าเรือนจำ แจ้งข้อหาเพิ่ม ‘บอสพอล-สามารถ’ สมคบร่วมฟอกเงิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น