ตลอด 77 ปี ที่ “พรรประชาธิปัตย์” ได้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ กลเกมการเมือง อันยึดโยงอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ เปลี่ยนผ่านการต่อสู้มาแล้ว ถึง 7 ยุคสมัย เป็นไปตามจุดยืน “ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย” ..โดยได้เริ่มต้นปฐมบท เปิดฉากประจันหน้า รับบท “พรรคฝ่ายค้าน” ในรัฐบาล “นายปรีดี พนมยงค์” ต่อเนื่องด้วยกระชากหน้ากาก รัฐบาล “จอมพล ป. พิบูลสงคราม” อันเป็นที่รู้กันดีว่า บุคคลทั้ง 2 คือสมาชิกของกลุ่ม “คณะราษฎร “ ที่ร่วมกันดำเนินการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ยึดอำนาจ เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสยาม จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
แต่ทว่าหวนนึกถึงลีลาการต่อสู้ ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ใครๆก็จำขึ้นใจไม่ลืม คงต้องยกให้เหตุการณ์ โค่นล้ม “นายทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งในครั้งนั้น “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องต่อสู้กับเผด็จการรัฐสภา ต่อต้านอำนาจรัฐ ขจัดความไม่เป็นธรรม เดินหน้าประกาศศัตรูกับนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุกรูปแบบ
ย้อนเหตุการณ์กลับไป 21 ปี ที่ผ่านมา หลังประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 “พรรคไทยรักไทย” ได้ประกาศชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ผลักดันให้ อดีตข้าราชการตำรวจ อย่าง “นายทักษิณ ชินวัตร” กลายเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ …. เกมสภาในครั้งนั้นได้มีการยุบรวมพรรคการเมืองที่มีขนาดเล็กเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ “พรรคไทยรักไทย” มีเสียงในสภา มากถึง 344 เสียง คุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และแน่นอนว่า “นายทักษิณ ชินวัตร” มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ