ข่าวใหญ่การเมืองวานนี้ ไม่มีเรื่องอะไรร้อนแรงมากไปกว่ากรณีที่มีการเปิดเผยว่าหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค ๒๐๒๒ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๐ พ.ย.๒๕๖๕ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นัดเคลียร์ใจอนาคตทางการเมืองกับพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในทันที ณ เซฟเฮ้าส์มูลนิธิป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ภายใน ร.๑ รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต งานนี้ข่าวว่าบิ๊กตู่แจ้งความจำนงค์ขอแยกตัวไปอยู่กับพรรคใหม่อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมมีทางเดินใหม่เป็นของตัวเองในช่วงเวลาทางการเมืองที่เหลือหลังจากนี้ ก่อนข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปช่วงบ่ายวานนี้ (21 พ.ย.2565 ) บิ๊กตู่มีหมาย ว. ๕ ลงพื้นที่แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ เพื่อไปรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านในละแวกนั้น งานนี้ต้องบอกว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองก็ว่า เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่าปลังเอเปคจบบิ๊กตู่จะออกมาส่งสัญญาณชัดว่าจะไปต่อการเมืองแบบไหน จะไปกับพรรคใดที่กระแสข่าวก่อนหน้านี้ก็เอียงมาทางพรรครวมไทยสร้างชาติแบบเต็มตัว ถึงเจ้าตัวจะไม่พูดชัดแต่แต่สัญญาณการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนในวงการก็บ่งชี้อนาคตพรรคที่บิ๊กตู่จะไปต่อได้ชัด
วานนี้หลังเสร็จภารกิจประชุมเอเปคจัดการทุกอย่างแล้วเสร็จ บิ๊กตู่ก็ดอดไปลงพื้นที่กทม.อย่างที่ว่า รอบนี้ลงพื้นที่ใกล้กรุงแต่งตัวใส่เชิ้ตขาวแบบสบายๆ ไปแบบส่วนตัว ที่เห็นติดตามไปก็มีแค่ “เสธ.มิตร” พล.ท.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ นายทหารคนสนิทที่เป็นเลขาฯส่วนตัวนายกฯ กับทีมรปภ.ไม่กี่คนเท่านั้นที่ลงไปดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ไม่มีการแจ้งสื่อ ไม่มีการลงหมายกำหนดการให้ทราบ แต่ดูทรงการลงพื้นที่แบบนี้ มันเปิดหน้าเปิดตัวไปหาเสียงรับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านเลย ด้านเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิที่ว่า ก็เป็นพื้นที่ของ “ส.ส.โอ๋” ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้แทนพลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะหนีจากพรรคเก่าไปอยู่กับพรรคใหม่ของบิ๊กตู่ แถมปมปัญหาชาวบ้านที่บิ๊กตู่ลงไปดูในคราวนี้ก็เป็นเรื่องที่ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนเรื่องปัญหากรณีที่อยู่อาศัย ผ่านทาง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ที่ได้นำเรื่องราวความเดือนร้อนสะท้อนไปถึงนายกฯจนบิ๊กตู่ลงมาดูพื้นที่จริงรับฟังปัญหาจากปากชาวบ้านเองเลย
ลงพื้นที่ไปจับเข่าคุยกับชาวบ้านแบบนี้ บิ๊กตู่เคยทำบ่อยๆ แต่มาทำในช่วงเวลาแบบนี้ในห้วงที่ข่าวเตรียมย้ายไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติแบบนี้ก็ชัดเจนว่าบิ๊กตู่ไปพรรคใหม่แน่นอน ปักหมุดลงพื้นที่กทม.แบบนี้ก็หวังดึงกระแสพรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติให้เข้าไปอยู่ในดวงใจคนกรุงเทพฯ ข่าวว่าอนาคตถ้าทุกอย่างนิ่งจะมีส.ส.เมืองหลวง ทั้งจากประชาธิปัตย์ทั้งจากพลังประชารัฐไหลเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติอีกบาน แถมอนาคตอันใกล้บิ๊กตู่ก็เล็งจะปรับลุคส์ ตั้งใจลงคลุกวงในลุยพบปะชาวบ้านให้มากขึ้น อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้บิ๊กตู่เคยโดนส.ส.ในพลังประชารัฐ ซัดว่า “ขาลอย” ไม่ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ทำตัวแปลกแยกแตกต่างไม่เหมือนนักการเมือง คุยลำบากเจอตัวยากเข้าหาก็ไม่ถึง แต่การเมืองเที่ยวนี้ดูทรงแล้วบิ๊กตู่ปรับโฉมใหม่ไฉไลแน่นอน เลือกตั้งเที่ยวหน้าน่าจะเป็นยกสุดท้ายของบิ๊กตู่ในสนามการเมือง ถ้าตัดสินใจไปต่อกับพรรคใหม่แล้วก็คงต้องทุ่มเทสุดๆ ไม่งั้นคงไปสู้กับพรรคการเมืองขั้วทักษิณฝ่ายตรงข้ามลำบากอยู่ เพราะด้านนู้นแพคกันแน่น ปัญหาภายในไม่มี แถมวางตัวผู้สมัคร ประกาศนโยบายพรรคกันแต่เนิ่นๆไปหมดแล้ว
นับจากวันนี้จนถึงวันครบวาระสภาผู้แทนราษฎร ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ยังมีเวลา ๔ เดือน ราว ๑๒๐ วันพอดีเป๊ะ หากบิ๊กตู่ออกตัวเร็วส่งสัญญาณให้ชัดว่าจะไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หัวประกาศปักธง ตรงกลาง หางท้ายก็จะได้ไปต่อตามแผนแนวทางที่วางไว้ บรรดาส.ส. เหล่ารัฐมนตรี ก๊วนการเมืองต่างๆที่กำลังรอสัญญาณจากบิ๊กตู่ก็จะได้ตัดสินใจอนาคตให้ชัด บิ๊กตู่ขยับไปทางไหนส.ส.ที่กำลังตัดสินใจจะได้ตามไปถูก ตอนนี้ก็รอฟังสัญญาณจากปากพล.อ.ประยุทธ์ชัดๆ จะได้เขียนชื่อกรอกใบสมัครเข้าพรรคกันได้ถูก แค่บิ๊กตู่ขยับ พรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติก็ติดปีก แกนนำวงในเคยประเมินคร่าวๆจากส.ส.จากผู้สมัครของพรรคเกรดหัวกะทิที่มีอยู่ในมือ ถ้าเดินเองบิ๊กตู่ไม่มาจะได้ส.ส.ขั้นต่ำ ๑๗ คน แต่ถ้าบิ๊กตู่มาเป็นหัวรับปากเป็นแคนดิเดตนายกฯให้กับพรรค เชื่อแน่ว่าพรรคจะมีส.ส.ไหลเข้าเป็นกอบเป็นกำ ขั้นต่ำ ๕๐ อัพแน่นอน ตอนนี้ก็ลุ้นให้บิ๊กตู่ตัดสินใจเปิดหน้าเปิดตัวไวไวจะได้มี “แม่เหล็ก” ดึงดูดส.ส. ผู้สมัครตัวดีๆจากพรรคอื่น ไปลงหาเสียงคุยกับชาวบ้านก็จะได้คึกคัก
บิ๊กตู่ขยับทีพรรคที่เกี่ยวข้องก็หนาวไปตามๆกัน โดยเฉพาะพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ ที่มีแฟนคลับฐานเดียวกับบิ๊กตู่ จับตาดูได้เลยบิ๊กตู่ไปรวมไทยสร้างชาติงวดนี้ จะมีเบอร์ใหญ่ๆจากพลังประชารัฐและประชาธิปัตย์ตามไปอีกเพียบแน่ ก่อนหน้านี้ก็มีชื่อหลุดออกมาแล้ว ทั้ง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ขุนพลเอกตึกไทยคู่ฟ้า ที่ล่าสุดอัพเฟซ ยืนยันไปไหนไปด้วย “ลุงตู่ ปกป้องดูแล ผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ ๓ ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้าน ได้อย่างไร เสียชื่อ คนชลบุรีหมดสิครับ ” ขณะที่กลุ่มสามมิตร “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา” ฯลฯ ล่าสุดก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ถึงขนาดสมศักดิ์ออกมาพูดชัด ข้อมูลเปลี่ยนต้องเอามาคิดใหม่แต่ตัดสินใจได้ไม่ยาก หนำซ้ำล่าสุดเรื่องระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่หลายคนเข้าใจว่าเหลือแค่ ๒ ปี เริ่มต้นนับตั้งแต่ ๖ เม.ย.๒๕๖๐ ตามคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้ อันนั้นคือการเข้าใจแบบคร่าวๆ แต่ถ้านับกันแบบละเอียดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๘ วรรค ๔ จริงๆที่ บัญญัติไว้ว่า “ นายกฯ จะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน ๘ ปีมิได้ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง” บวกลบคูณหารบิ๊กตู่ยังเหลือเวลาในกระเป๋าเฉียดๆ ๓ ปี
ประเด็นนี้ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงไว้ชัดแบบละเอียดยิบ ทำให้พวกเราได้หูตาสว่าง ถึง “บางอ้อ” โดยพลัน “ระยะเวลาในระหว่างอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง ไม่นำมานับคิดรวมเป็นเวลาในการดำรงตำแหน่ง ๘ ปี ” เพราะฉะนั้นระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ๒๔ ม.ค. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งส.ส.คราวที่แล้ว (๒๔ มี.ค.๒๕๖๒) จนถึงวันที่ ๘ มิ.ย. ๒๕๖๒ ที่บิ๊กตู่ได้รับโปรดเกล้าเป็นนายกฯ รวม ๔ เดือน ๑๕ วัน จึงไม่เอามานับรวมเป็นเวลาที่บิ๊กตู่เป็นนายกฯในห้วง ๘ ปีตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้หากบิ๊กตู่บริหารประเทศลากยาวจนครบวาระ ๔ ปี ในวันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ถ้าเอาตุ๊กตาวันเลือกตั้งเร็วสุดที่กกต. เคยมาแถลงข่าวว่าจะจัดการเลือกตั้งได้คือ ๗ พ.ค.๒๕๖๖ การประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งก็น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ตามที่กฎหมายกำหนดคือต้องจัดการเลือกตั้งภายใน ๔๕ วัน ไม่เกิน ๖๐ วัน เพราะฉะนั้นเวลาตรงนี้ราว ๑ เดือนครึ่งก็จะไม่เอามานับรวมเช่นกัน นอกจากนี้หลังการเลือกตั้งกว่ากกต.จะรับรองผลส.ส. กว่าจะเปิดสภา กว่าจะโหวตเลือกตัวนายกฯได้ก็ตีเวลาประมาณ ๒ เดือน (นับอย่างเร็วที่สุดที่เลือกนายกฯได้ เวลาอาจช้ากว่านี้) ตรงนี้ก็จะรวมเป็น ๓ เดือน ๑๕ วัน ที่บิ๊กตู่เป็นนายกฯรักษาการ ถ้าเอา ๒ ช่วงเวลาที่บิ๊กตู่รักษาการตามนี้มาบวกกัน เลือกตั้งคราวที่แล้ว ๔ เดือน ๑๕ วัน คราวนี้ถ้าอยู่ครบวาระ ๓ เดือน ๑๕ วัน รวมกันบิ๊กตู่เป็นนายกฯรักษาการนานถึง ๘ เดือน ด้วยเหตุนี้บิ๊กตู่จะบริหารประเทศได้จริงๆตามรัฐธรรมนูญอีก ๒ ปี บวกกับ ๘ เดือนเป็นอย่างน้อย ยกเว้นถ้าบิ๊กตู่ชิงยุบสภาก่อน ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ เวลา ๘ เดือนก็จะบวกเพิ่มไปอีกตามวันที่เหลือก่อนจะถึงวันครบวาระ เพราะฉะนั้นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยการนับหนึ่งการเป็นนายกฯของบิ๊กตู่ให้เริ่มจากวันที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้คือ ๖ เม.ย.๒๕๖๐ จะครบวาระ ๘ ปีคือ ๖ เม.ย.๒๕๖๘ อันนั้นคือการนับแบบหยาบ แต่ถ้านับแบบละเอียดต้องบวกไปอีก ๘ เดือน (ที่เป็นนายกฯรักษาการด้วย) หมดวาระบิ๊กตู่จริงๆ ถ้าบิ๊กตู่ได้เป็นนายกฯในการเลือกตั้งคราวหน้านี้อีก ก็จะเป็นวันที่ ๖ ธ.ค.๒๕๖๘ เกือบ ๓ ปีเลยนะจ๊ะนับจากวันนี้ เพราะฉะนั้นเวลาเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ธงก็เปลี่ยนได้เช่นกัน สรุปคือบิ๊กตู่ยังมีเวลาบริหารประเทศอีกยาว อย่างต่ำ ๓ ปี ไม่ใช่ ๒ ปีแน่นอน ถ้าได้รับโหวตให้เป็นนายกฯอีกครั้งในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า
//////////////////