“ดร.สามารถ” แนะ “นายกฯตู่-บิ๊กป๊อก” เลิกโยกโย้ เร่งจบปัญหารถไฟฟ้า BTS

"ดร.สามารถ" แนะ "นายกฯตู่-บิ๊กป๊อก" เลิกโยกโย้ เร่งจบปัญหารถไฟฟ้า BTS

สืบเนื่องจากการที่ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาแถลงความคืบหน้าการชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง โดยระบุว่าอำนาจการตัดสินใจทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ กทม. แต่อยู่ที่กระทรวงมหาดไทย และครม. ในการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจาก กทม. ได้ให้ความเห็นที่กระทรวงมหาดไทยขอมาจำนวน 3 ข้อไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา

และหากที่ประชุม ครม. มีการพิจารณาและมีมติให้ขยายสัมปทาน ทุกอย่างจะไปเป็นตามสัญญาใหม่ที่เอกชนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ถ้า ครม.ไม่อนุมัติขยายสัญญาสัมปทาน กทม.ที่จะต้องนำเรื่องกลับมาพิจารณาใหม่ ให้เป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี 2 วิธี ได้แก่ 1.ให้สภา กทม.ให้สัตยาบันย้อนหลัง เรื่องสัญญาจ้างเดินรถและสัญญาติดตั้งระบบ และ 2. หากสภา กทม.ไม่ให้สัตยาบัน ก็ต้องรอคำตัดสินอุทธรณ์ของศาลปกครองว่าจะพิจารณาอย่างไร

ส่วนสาเหตุที่ กทม. ยังไม่มีการชำระหนี้สินให้แก่เอกชนนั้น ในส่วนต่อขยาย 1 นั้น นายวิศณุ อ้างว่า เนื่องจาก คสช.ได้มีคำสั่งให้นำภาระหนี้ ไปคิดคำนวนร่วมกับการต่อสัญญาสัมปทาน ทำให้กทม.หยุดจ่ายเงินให้แก่เอกชน เพราะภาระหนี้ส่วนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสัมปทาน ขณะที่ส่วนต่อขยายที่ 2 นั้น ในส่วนของสัญญาที่ยังมีความไม่ครบถ้วน และไม่ได้รับการพิจารณาจากสภากทม.

ส่วนข้อคำถามถึงกรณีศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ทางกรุงเทพมหานครชำระหนี้ นายวิศณุ กล่าวว่า เบื้องต้น กทม.ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว เนื่องจากมูลค่าหนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ค่าดอกเบี้ย โดยกทม.ไม่มีเจตนาจะไม่ชำระหนี้ และสัญญาที่ กทม. ทำไว้กับ เคที ไม่ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ ทางผู้บริหารกทม. เห็นว่า เคทีควรมีการจ้างที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบ คิดค่าคำนวณค่าจ้างใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งอาจทำให้ยอดหนี้เปลี่ยนไปไม่ตรงกับที่บริษัทเอกชนฟ้องร้องก็ได้

พร้อมยืนยันว่า เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของเอกชน เพียงแต่การดำเนินการจะต้องเป็นไปตามกฏหมาย และไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่จ่ายหนี้ให้กับเอกชน และต้องรอ มติ ครม. ก่อนจึงจะดำเนินการได้ ส่งนกระทรวงมหาดไทย จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เมื่อใดนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย

 

ล่าสุด ดร. สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนักวิชาการด้านวิศวกรรมขนส่ง ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว TOP NEWS ถึงแนวทางการแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า จากถ้อยแถลงทั้งหมดชี้ชัดเรื่องแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าด้วยการพิจารณาขยายสัญญาสัมปทานหรือไม่ ถือเป็นประเด็นสำคัญในการที่กระทรวงมหาดไทย นายกรัฐมนตรี รวมถึง คณะรัฐมนตรี จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เพราะหากไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เอกชนได้ ก็ควรต้องพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานให้แก่เอกชน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่โยนเรื่องกันไปมา หรือ โยนเรื่องกลับไปให้ กทม.พิจารณา ที่สำคัญนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวคสช. ซึ่งเริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ควรจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไร ไม่ใช่ปล่อยให้เอกชนแบกรับปัญหามาถึง 3 ปี เช่นนี้

“ถึงเวลาแล้วที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องตัดสินใจนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. และไม่โยนเรื่องกลับไปให้กรุงเทพมหานครอีก เพราะจะทำให้เป็นการเเก้ปัญหาที่ไม่จบ และต้องพิจารณาถึงข้อเสนอของกทม. ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ทุกฝ่าย”

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยในส่วนของข้อเสนอของกทม.นั้น ประกอบไปด้วย 1. ขอให้รัฐบาลช่วยในเรื่องค่างานโยธาที่รับมาจาก รฟม. วงเงินประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท 2. ขอให้รัฐบาลช่วยในเรื่องของค่าระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 7.5 หมื่นล้านบาท เหล่านี้เป็นประเด็นที่รัฐบาลต้องพิจารณาว่าสามารถให้การช่วยเหลือได้หรือไม่ รวมถึงในส่วนของภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถ อีกกว่า 2 หมื่นล้าน ที่ต้องการให้ ครม. ช่วยหาทางออกให้แก่กทม.

“จากข้อเสนอของกทม. หากรัฐบาลให้การช่วยเหลือไปแล้ว ตนเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะยังไม่จบลง เนื่องจากในการเปิดประมูลใหม่ หลังจากจบสัญญาสัมปทานในปี 2572 ก็จะติดสัญญาจ้างการเดินรถส่วนต่อขยายถึงปี 2585 ดังนั้นในเวลานี้ มท.1 จะต้องเร่งเเก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาว่า นอกจากการต่อสัญญาสัมปทานให้บีทีเอสซี จะมีทางออกอื่นอีกหรือหรือไม่ หากไม่พบทางออกอื่นก็ต้องต่อสัมปทานให้แก่บีทีเอสซี ไปอีก 30 ปี จนถึง 2602

 

และเห็นว่าในเรื่องนี้ ทั้ง มท. 1 และนายกรัฐมนตรี จะต้องกล้าที่จะตัดสินใจ และกล้าที่จะเดินหน้า และต้องย้ำว่า อย่าโยนเรื่องนี้กลับไปให้กทม. เพราะกทม. ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และเกินอำนาจของกทม.ที่จะดำเนินการได้แล้ว กับภาระหนี้ที่เกิดขึ้นกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรากฎว่าข้อเสนอของกทม.ส่งกลับไปยังมหาดไทย คือ การให้ รัฐบาลช่วยเหลือทั้งหมด ”

 

ส่วนการแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานาน ดร.สามารถ แสดงความเห็นว่า กระทรวงมหาดไทยควรนำเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เข้าสู่ที่ประชุม ครม.โดยเร็วที่สุด และไม่ควรยืดเยื้อไปจนมีการเลือกตั้งใหม่ อีกทั้งการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ควรโอนส่วนขยายของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว กลับไปให้ รฟม. ดำเนินการ เพราะคาดว่ารูปแบบการแก้ปัญหาจะเป็นเหมือนในอดีต อาทิ การที่รฟม. เลือกปฏิบัติกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

ขณะที่ประเด็นข้อกฎหมาย ส่วนต่อขยายที่ 2 ซึ่งผู้บริหารกทม. อ้างว่าทางบริษัทกรุงเทพธนาคม หรือ เคที ไปว่าจ้างบีทีเอสซี ให้เดินรถไฟฟ้า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหนังสือมอบหมายงานให้เคที ดร.สามารถ อธิบายว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่ง คสช. 3/2562 ซึ่งให้กทม. ไปว่าจ้างเอกชนเดินรถ และการดำเนินการดังกล่าว มีคำสั่งคสช.คุ้มครองอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่กทม.กังวลว่าการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่นั้น มีข้อเท็จจริงว่า สัญญาดังกล่าวได้มีคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้กทม.ชำระหนี้ให้บีทีเอสซี ซึ่งแสดงว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

 

 

และจากการที่เอกชนออกมาทวงหนี้ กทม. อีกครั้ง ดร.สามารถ มองว่า เป็นเรื่องชอบธรรม เพราะที่ผ่านมากว่า 3 ปี บีทีเอสซี ยังไม่ได้รับเงินจากการรับจ้างเดินรถไฟฟ้า ซึ่งในแง่ของการทำงานทุกคนหวังที่จะได้รับเงินค่าจ้างทั้งนั้น และที่ตนเองประทับใจมากที่สุด คือการที่บีทีเอสซี ออกมาให้คำมั่นว่า จะไม่หยุดเดินรถเด็ดขาด และส่วนตัวยังมองไม่ออกว่า หากถึงวันหนึ่งที่เอกชนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จะเป็นอย่างไร เพราะคงไม่มีเอกชนรายใดจะทนทำงานโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างยาวนานได้เช่นนี้ ส่วนตัวจึงอยากฝากไปยัง นายกรัฐมนตรี ว่าควรเร่งพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อหาทางออกที่ดี และไม่ควรโยนเรื่องกลับไปยังกทม. หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็ให้ต่อสัญญาสัมปทานให้แก่เอกชน

นอกจากนี้ ดร. สามารถ ยังระบุถึงการแก้ปัญหาโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียวของกทม. อ้างต้องให้รอมติ ครม. ชี้ขาดก่อน จึงจะสามารถดำเนินการได้ ว่า สิ่งที่ กทม. ดำเนินการ ส่วนตัวมองเห็นถึงความย้อนแย้ง โดยเฉพาะการที่ กทม. ออกมาระบุ จะต้องรอมติครม. แต่ในการตอบความคิดเห็นกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารกทม. กลับไม่ได้ระบุเรื่องนี้ลงไป มีเพียงเรื่องการขอให้รัฐบาล รับผิดชอบค่าโครงสร้างพื้นฐาน และค่าจ้างให้บริการเดินรถเท่านั้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ทักษิณ” ลั่นปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้องจบในรัฐบาลนี้ ยึดการพูดคุย เป็นแนวทางสร้างสันติสุข
เลขาธิการ สปส. แจงเสถียรภาพ "กองทุนประกันสังคม" ย้ำชัดสิทธิประโยชน์ดีเพิ่มขึ้นทุกปี
คึกคักสุดๆ แห่เที่ยวตามรอย "ลิซ่า" ในซีรีส์ The White Lotus 3 ทำยอดจองโรงแรมเกาะสมุยพุ่ง
ผู้ลี้ภัยแอลจีเรียไล่แทงตำรวจในฝรั่งเศส
เต่าทะเลกว่า 6 แสนตัวแห่วางไข่ที่ชายหาดอินเดีย
ฮามาสปล่อย 6 ตัวประกันสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงเฟสแรก
‘Super AI Engineer Season 5’ รวมพลังรัฐ-เอกชน-ประชาสังคม ปั้นบุคลากร AI เสริมขีดความสามารถแข่งขันไทย
"ดร.ปณิธาน" ยกพัทยาโมเดล แก้ปัญหา "ชาวอิสราเอล" ล้นเมืองปาย แนะหน่วยมั่นคงบังคับใช้กม.ใกล้ชิด
"อดีตสว.สมชาย" แฉโพย ฮั้วเลือกสว. ชี้เป็นหลักฐาน ดีเอสไอ เร่งนำลากไส้ตัวการใหญ่
‘ทักษิณ’ ปลื้มลงพื้นที่นราธิวาส ในรอบ 19 ปี ปชช.รอต้อนรับ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น