ผู้บริหาร BTS มั่นใจศักยภาพหุ้นกู้เสริมความยั่งยืน จ่อฟ้องกทม.เร่งจ่ายหนี้

ผู้บริหาร BTS มั่นใจศักยภาพหุ้นกู้เสริมความยั่งยืน จ่อฟ้องกทม.เร่งจ่ายหนี้

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย.65 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งพิพากษาให้กรุงเทพมหานครและ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมกันจ่ายเงินในส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้าและช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งค้างชำระหนี้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 -พฤษภาคม 2564 รวมดอกเบี้ย 2,348 ล้านบาท

และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งค้างชำระหนี้มาตั้งแต่เมษายน 2560-พฤษภาคม2564 รวมดอกเบี้ย 9,406 ล้านบาท รวมทั้งสองส่วนขยายเป็นเงิน 11,754 ล้านบาท และให้ชำระเงิน 180 วันนับตั้งแต่คดีถึงที่สุด

ล่าสุด นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผย ระหว่างการเสวนาในหัวข้อ มิติใหม่ของการลงทุน “หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน” ว่า บริษัทเตรียมยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด อีกครั้งเร็วๆ นี้ เพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังจากที่บริษัทยังไม่ได้รับชำระจากกทม. ทำให้จำนวนเงินที่ติดค้างรวมดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากคราวก่อนที่ได้ยื่นฟ้องไปในมูลค่ารวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายสุรยุทธ ระบุว่า สำหรับประเด็นข้อพิพาทกับทางกทม.นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งใหม่ของบริษัท เพราะทางบริษัทได้ดำเนินงานต่างๆ อย่างถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ที่กำหนด และยังมั่นใจว่า นักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของ BTS ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนกลยุทธ์ของธุรกิจของบริษัท

หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds : SLB) ที่ทำการเสนอขายในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 รุ่น กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 พฤศจิกายนนี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย

หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” จากทริสเรทติ้ง และกำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

นายสุรยุทธ กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ใช้สำหรับการเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท นำไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และการลงทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน รวมถึงปรับปรุงระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียว และจะนำไปใช้ในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 66 รวมถึงนำไปลงทุนในโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืน และดูแลสิ่งแวดล้อมอื่นๆ

 

 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในงวดครึ่งปีหลัง (ต.ค.65-มี.ค.66) นายสุรยุทธ กล่าวว่า ยังเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Move ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกลับมาแล้ว 90% เข้าใกล้กับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในระดับ 90% เห็นได้จากตั้งแต่ช่วงเทศกาลลอยกระทงเป็นต้นมา จำนวนผู้โดยสารเพิ่มมาเป็น 800,000 เที่ยวคน/วัน จากช่วงก่อนหน้าอยู่ที่เฉลี่ย 700,000 เที่ยวคน/วัน เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ระดับ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน หลังจากผู้คนกลับมาเดินทางและทำงานตามปกติมากขึ้น รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าจะทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส กลับไปที่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้นั้น ต้องคาดหวังให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีนัยสำคัญ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น