ในที่สุดประเด็นที่คนไทยรอคอยคำตอบเรื่องอนาคตทางการเมืองของ ๓ ป. ก็ชัดเจนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากวานนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพี่ใหญ่ ๓ ป. บูรพาพยัคฆ์ ออกมายืนสัมภาษณ์ซดกับสื่อ ประกาศอนาคตทางการเมืองของ ๓ ป.ให้รู้ชัดๆกันไปเลย ไม่ต้องรอให้น้องเล็กอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาพูด เพราะเจ้าตัวตีกรรเชียงไม่ยอมบอกให้ชัดเสียทีว่าตกลงจะเอายังไง ความอึมครึมไม่ชัดเจนดังกล่าวพลอยทำให้การเมืองของ ๒ พรรค ไม่สามารถเปิดหน้าเล่นให้ชัดกันเสียที คนที่จะย้ายก็ไม่กล้าย้ายคนที่อยากไปก็ไม่กล้าไป ที่สุดวานนี้ลุงป้อมเลยออกมาเคลียร์ปมให้ชัดพูดชัดทุกประเด็น โดยยืนยันว่า บิ๊กตู่ขอแยกทาง มีดาวคนละดวง และจะไม่ลงเรือแป๊ะไปต่อกับพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้า
“ ผมไม่เซ็ง ไม่เครียด ไม่คิดไปดูดใคร พล.อ.ประยุทธ์ กับผมเป็นพี่เป็นน้องกัน ท่านอยากไปอยู่นู่นก็ไป ผมไม่ว่าอะไร ผมไม่มีปัญหาอะไร ผมไม่มีความขัดแย้งกันเลย อยู่ด้วยกันมา ๔๐ -๕๐ ปีแล้ว จะมาขัดแย้งอะไรกัน…..ท่านจะไป ก็ไป ไม่น้อยใจหรอก ผมมีลูกพรรคอีก ๑๐๐ กว่าคน ๒๐๐ – ๓๐๐ คน ที่จะต้องอยู่ที่จะต้องทำงานร่วมกัน พรรคนี้จะต้องเป็นพรรคที่เป็นหลักให้ประเทศชาติต่อไป ” ลุงป้อมเปิดใจหัวเราะร่าหน้ายิ้มแป้น แต่ในใจคงทุกข์ระทมเพราะบิ๊กตู่น้องรักกำลังจะแยกทางกันเดิน ต่างคนต่างมีความฝันต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง ลุงป้อมก็อยู่โยงพลังประชารัฐ บิ๊กตู่ก็ไปรวมไทยสร้างชาติ ส่วน “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.๑ พี่กลางบูรพาพยัคฆ์ ประกาศหมดไฟทางการเมือง เพราะคงไม่อยากอยู่กลางเขาควายความขัดแย้งของพี่น้อง ๒ ป. จากนี้ลุวป้อมกับบิ๊กตู่จะได้ไปอยู่กับพรรคที่มีแต่สมาชิกเป็นคนที่รักและศรัทธาตัวเอง ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่าจะถูกใครหักหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเอามีดมาแทง ได้ทำการเมืองตามใจอยากเดินหน้าในแบบที่อยากทำ ไม่ต้องมากั๊กไม่ต้องมาเล่นการเมืองตีสองหน้าใส่หัวโขนกันให้เหนื่อยอีก
จากนี้ก็ต้องติดตามดูว่าพอทุกอย่างชัดเจนว่า ๒ ป. แยกทางกันแน่แล้ว ในพลังประชารัฐบรรดาแกนนำและส.ส.ที่เหลืออยู่ ใครจะไปกับใคร ใครจะอยู่กับลุงป้อมต่อ ใครจะไปลุยตายดาบหน้ากับบิ๊กตู่ก็ว่ากันไป แต่แกนนำเบอร์ใหญ่ของพรรคก็คงคิดหนักก็คงต้องประเมินให้ชัด ล่าสุดที่ชัดเจนแล้วคือ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น นักเลงชลบุรีประกาศไขก๊อกตามบิ๊กตู่ไปเรียบร้อยแล้ว หลังเข้าไปกราบลาลุงป้อมที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ๕ จังหวัดใน ร.๑ รอ.เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เช้า ๒๘ พ.ย.ที่ผ่านมา ยอมรับแม้ยังรักลุงป้อมเต็มเปี่ยมแต่ต้องเลือกเสียสละทำภารกิจเพื่อชาติขอตามบิ๊กตู่ไปฟื้นฟูบ้านเมือง การตัดสินใจไปจากพรรคคราวนี้ลำบากใจสุดๆเพราะรักทั้งสองฝ่าย เปรียบเสมือนลูกเจอปัญหา “พ่อแม่ต้องแยกทาง” ขณะที่ก๊วนสามมิตรของ ๓ เกลอ “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา” ตัวสมศักดิ์ก็ออกมาระบุว่าวันนี้ยังอยู่กับพลังประชารัฐ ยังไม่ได้คุยเรื่องที่นายกฯจะไปพรรคใหม่อยู่กับรวมไทยสร้างชาติเลย และเห็นว่ายังมีเวลาให้ตัดสินใจยังไม่ต้องรีบ
การเมืองของขั้วรัฐบาล มุ้ง ๓ ป.ตอนนี้ชัดแล้วว่ามี ๒ พรรค ๒ หัวให้เลือกเดิน รักลุงป้อมอยู่พลังประชารัฐ ศรัทธาบิ๊กตู่ตามไปรวมไทยสร้างชาติ ตามดูหลังจากนี้ว่าถึงเวลาจริงๆ กรณีบิ๊กตู่ไม่ไปต่อกับพลังประชารัฐแต่เลือกไปรวมไทยสร้างชาติ พอประกาศออกมาจริงผลกระทบจาก “ประยุทธ์เอฟเฟกต์” จะรุนแรงหนักหน่วงขนาดไหน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่คาดว่าจะโดนหางเลขเต็มๆ อย่าง ๑.พรรคพลังประชารัฐ และ ๒ .พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น ๒ พรรคที่คาดว่าจะมีส.ส.หรือแกนนำจำนวนมากแห่ตามบิ๊กตู่ไปพรรคใหม่ในซอยอารีย์ ล่าสุดสุชาติเปิดหัวเปิดตัวไปแล้วจากนี้คงนี้แกนนำหลายคนตามมาอีกเพียบแน่นอน รวมถึงบรรดาส.ส.บรรดาตัวผู้สมัคร ที่ก่อนหน้านี้กำลังดู “ทางลม” ว่าจะไปทางไหนดี ไปกับบิ๊กตู่หรืออยู่กับลุงป้อม จากนี้ต้องดูยุทธการ “ดูด” ของแต่ละฝ่ายโดยเฉพาะทางพรรคใหม่ของบิ๊กตู่ว่าจะมีเครื่องดูดแรงขนาดไหนในการมัดใจส.ส. อย่าลืมว่ารวมไทยสร้างชาติต้องมีส.ส.เกิน ๒๕ คน เพื่อผ่านเกณฑ์ ๕ % ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๙ วรรคหนึ่งที่ระบุคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองที่จะเสนอชื่อ ว่า “ เป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร” รวมไทยสร้างชาติต้องหาส.ส.ให้ได้ ๒๕ คนขึ้นไปถึงจะเสนอชื่อบิ๊กตู่เข้าชิงนายกฯแข่งกับพรรคอื่นได้ ไม่งั้นชื่อบิ๊กตู่ก็ล่องจุ๊นนามพล.อ.ประยุทธ์ก็เสียของ
ไม่แปลกที่ตอนนี้การมีส.ส.ในมือคือเรื่องสำคัญที่ทุกพรรคต้องเชคให้ชัวร์ว่ามีแนวโน้มส.ส.ที่จะชนะการเลือกตั้งในอนาคตกี่คนเพื่อจะได้ทำการเมืองถูก ที่รวมไทยสร้างชาติกับพลังประชารัฐก็ต้องลุ้นหนักเหมือนกัน ไม่แปลกที่ ๒ พรรคที่มีฐานส.ส.เดียวกันจะเกิดรายการ “ดูดไปดูดมา” ตามที่ลุงป้อมพูด เพราะหลักๆส.ส.ที่รวมไทยสร้างชาติจะดึงไปอยู่เพื่อหนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯสมัยที่ ๓ ก็คงมาจาก ๒ พรรคที่ว่านี้แหละคือ พลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ ยังไงก็ต้องไป “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เอาเร็วเข้าว่าก่อน เพราะเวลาเลือกตั้งมันกระชั้นเข้ามาทุกที ครบวาระ ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ เหลือเวลาไม่ถึง ๔ เดือนแล้ว ด้วยเหตุนี้การช่วงชิงส.ส.ระหว่างพี่น้อง ๒ ป. แม้ลุงป้อมบอกว่าจะรักกันไม่แตกกัน ไม่มีการดูดส.ส.กัน แต่ชั่วโมงนี้แน่นอนว่าตัวใครตัวมันและมีข่าวว่าดูดกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะฝ่ายเสธกับทีมงานของ “ลุงป้อมกับบิ๊กตู่” โทรหาส.ส.ทาบทามผู้แทนกันมือเป็นระวิงในช่วงนี้
ล่าสุดฝ่ายลุงป้อมถึงขนาดให้ส.ส.ลงชื่อในการประชุมพรรคเมื่อวานนี้ (๒๘ พ.ย.) เอาให้ชัดเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป ผลปรากฎว่าบรรดาส.ส.ที่นกรู้หลายสิบคนไม่ยอมมาร่วมประชุม เพราะไม่อยากยืนยันตัวตน หลายคนยังสองจิตสองใจ หลายคนก็ตัดสินใจไปแล้ว ส่วนที่เข้าพรรคมาประชุมลงชื่ออยู่กับลุงป้อมเมื่อวานนี้เช็คชื่อได้ ๔๐ คน ไล่เรียงรายชื่อออกมาพบว่า ๙ คนที่เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ส่วนใหญ่มีแต่สายลุงป้อมและล้วนแต่เป็นนักการเมือง “ดาวเคราะห์” ไม่ได้เป็นเบอร์ใหญ่ทางการเมืองแต่อย่างใด ประกอบด้วย ๑. สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ๒ . ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ๓. อรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค ๔.พรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค ๕.พิเชษฐ สถิรชวาล แกนนำกลุ่ม ๑๖ ก๊วนพรรคเล็ก ๖. ต่อศักดิ์ อัศวเหม ๗.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล ๘. ชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรค ๙.ภาคิน สมมิตรธนกุล ส่วนที่เหลืออีก ๓๑ คนเป็นส.ส.เขตประกอบด้วย ๑.ภิญโญ นิโรจน์ ๒.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ๓. เชิงชาย ชาลีรินทร์ ๔. สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ๕. กองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ๖. สุชาติ อุสาหะ ๗. เอี่ยม ทองใจสด ๘. ภูดิท อินสุวรรณ์ ๙. สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ๑๐.เจริญ เรี่ยวแรง ๑๑.สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ๑๒. อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ๑๓. จักรัตน์ พั้วช่วย ๑๔.ฐาปกรณ์ กุลเจริญ ๑๕.ทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ๑๖.นัทธี ถิ่นสาคู ๑๗.ปริญญา ฤกษ์หร่าย ๑๗.ภริม พูลเจริญ ๑๘. ยงยุทธ สุวรรณบุตร ๑๙. อนันต์ ผลอำนวย ๒๐. สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ ๒๑. นิพันธ์ ศิริธร ๒๒.ศิริพงษ์ รัสมี ๒๓.กษิดิ์เดช ชุติมันต์ ๒๔.อัครวัฒน์ อัศวเหม ๒๕.เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ๒๖.รงค์ บุญสวยขวัญ ๒๗.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ๒๙. สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ๓๐. นายสมเกียรติ วอนเพียร ๓๑.สุทา ประทีป ณ ถลาง
ด้านพวกที่แจ้งลาประชุมพรรค ๖ คน ด้วยเหตุผลป่วยและติดภารกิจ ประกอบด้วย ๑. กฤษณ์ แก้วอยู่ ๒. จองชัย วงศ์ทรายทอง ๓. จักรพันธ์ พรนิมิตร ๔.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ๕.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ๖.กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ครึ่งหนึ่งก็มีข่าวจะย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคใหม่แน่นอน โดยเฉพาะ ๓ ส.ส.กทม.อย่าง “จักรพันธ์-พัชรินทร์-กานต์กนิษฐ์” จากนี้ก็ต้องจับตาดูเกมดูดส.ส.ของ ๒ ป. ว่าจะช่วงชิงตัวผู้แทนกันหนักหน่วงขนาดไหน จะถึงขั้นแตกหักกันจริงหรือไม่ระหว่างลุงป้อมกับบิ๊กตู่ และพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐจากที่เคยมีส.ส. ๑๑๖ คน (เขต ๙๗ คน บัญชีรายชื่อ ๑๙ คน) จากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว หลังฝุ่นตลบจบเกมจะเหลือส.ส.ในมือที่อยู่กับลุงป้อมกี่คน พรรคจะเสื่อมทรุดลงไปมากน้อยขนาดไหนหากไม่มีบิ๊กตู่เป็นจุดขายในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่ล่าสุดสุชาติเปิดตัวไขก๊อกทิ้งพรรคตามบิ๊กตู่ไปคนแรกแล้ว รวมถึงเรื่องของการปรับครม.ที่ล่าสุดบิ๊กตู่ยอมรับว่าจะมีการปรับครม.ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอชื่อนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ๕ สมัยเป็นรมช.มหาดไทยแทนที่นิพนธ์ บุญญามณี มานาน ๗ สัปดาห์แล้วแต่ยังถูกบิ๊กตู่ดองเค็มอยู่ แต่รอบนี้ไฟท์บังคับเพราะหากบิ๊กตู่ยังไม่ปรับครม. พรรคประชาธิปัตย์เตรียมแถลงถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไว้เรียบร้อยแล้ว โชคดีที่บิ๊กตู่รู้ตัวทันเรือแป๊ะเลยยังไม่แตก แต่จากนี้ต้องจับตาว่าปรับครม.ครั้งสุดท้ายคราวนี้ บิ๊กตู่จะเลือกปรับเล็กคือปรับแค่ตำแหน่งเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเลือกปรับมากกว่า ๑ เก้าอี้ เพราะมีโควต้าของพลังประชารัฐ ๒ ตำแหน่งที่ว่างอยู่นานแล้ว (ธรรมนัส+นฤมล) หยิบมาจัดวางได้ เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง
อย่าลืมว่าเลือกตั้งใกล้จะถึง “แต้มต่อ” ทางการเมืองถือเป็นเรื่องสำคัญ จะมีแต้มต่อในช่วงโค้งสุดท้ายได้บิ๊กตู่ก็ต้องเร่งผลงาน หามือดีๆมาดันโยบายใหม่ เอาคนเก่งๆมาทำคลอดโครงการที่ถูกใจชาวบ้าน ตั้งใจจะขึ้นขี่หลังเสือแล้วก็ต้องเอาให้สุด ใช้โอกาสปรับครม.ไม้สุดท้าย เสริมทัพจัดคนให้เหมาะ จะเอาใครมาเป็น “เสนาบดี” ทำงานในช่วงทางตรง ๑๐๐ เมตรสุดท้าย พวกลูกหาบทีมงานที่รอลุ้นอยู่ก็มีทั้ง “ดร.เสกสกล – ธนกร” แต่ถ้ามองข้ามช็อตเล็งเป้าการเมืองก็อาจจะโยนโควต้าไปให้รวมไทยสร้างชาติ “พีระพันธุ์” ก็มีลุ้น ถ้าไม่เป็นเลขาธิการนายกฯก็สับรางมาเป็นรมต.สักตัวก็ยังได้ แม้แต่กลุ่มส.ส.ใต้ พปชร. ถ้าบิ๊กตู่ซื้อใจให้รมต.ไปสักตัวรับรองพาเหรดมายกพวงแน่ หรือจะปรับคนดูเศรษฐกิจใหม่ เอาพวกหัวก้าวหน้าคิดนโยบายใหม่ๆ มาเป็นรัฐมนตรีก็ดี ตามลุ้นกันว่าบิ๊กตู่จะปรับครม.ก่อนปีใหม่ออกมาแบบไหน ปรับเล็กหรือปรับใหญ่ แล้วใครจะมา
////////////////////////////