เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยพ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รอง ผกก.สอบสวน พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท.สีหนาท จันทร์เหลือง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร.ต.อ.อมร เดชศรี ร.ต.อ.อารมณ์ เจริญสรรพ์ ร.ต.อ.วัชรินทร์ นิสังกาศ ร.ต.อ.อาวุธ ภูแย้มไสย์ ร.ต.อ.ธวัชชัย ทับธานี ร.ต.ท.สุพจน์ คำชนะ รอง สว.สส. พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายศิริพงษ์ โปตรแปร อายุ 34 ปี ชาว ต.ดอนจาน อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ และนายปริญญา ดลสวัสดิ์ อายุ 31 ปี ชาว ต.ดอนจาน อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และจังหวัดใกล้เคียงหลายครั้ง พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ 7 คัน
พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์หลายครั้ง หลังเกิดเหตุได้กำชับให้ตำรวจสภ.เมืองกาฬสินธุ์เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี กระทั่งตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุคือนายศิริพงษ์ โปตรแปร อายุ 34 ปี และนายปริญญาหรือทอม ดลสวัสดิ์ อายุ 31 ปี ทั้ง 2 คนเป็นชาว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะการก่อเหตุเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวบริเวณ 4 แยกสงเปือย ซึ่งกล้องวงจรปิดของชาวบ้านใกล้เคียงจับภาพทั้งสองคน ขณะก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาจอด แล้วลงไปจูงรถจักรยานยนต์และขมโยของชาวบ้านไป
กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ม.7 บ้านหนองอีกุ้ม ต.โคกสมบูรณ์ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 6 คัน และ พื้นที่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ดอีก 1 คัน รวมทั้งหมด 7 คัน ก่อนจะนำตัวทั้งสองคนไปทำแผน
พล.ต.ต.สุวรรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ของทั้งสองคนจะร่วมกันขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกตะเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และจังหวัดใกล้เคียงมาโดยตลอด โดยนายศิริพงษ์ จะเป็นผู้ขับขี่ มีนายปริญญาฯ เป็นผู้ซ้อนท้าย เมื่อสบโอกาสรถจอดอยู่ในที่ไม่มีคนเห็น นายปริญญาฯ จะลงไปทำการเข็นรถจักรยานยนต์ออกมาจากที่เกิดเหตุ โดยนายศิริพงษ์ใช้เท้าถีบรถขับขี่ออกมา เมื่อเห็นว่าปลอดภัย นายศิริพงษ์ จะลงมือต่อสายตรงเพื่อให้รถสตาร์ทติด และนายปริญญาฯ จะเป็นผู้ขับขี่และหลบหนีไปด้วยกัน เมื่อได้รถมาแล้วจะนำมารวมกันและซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นจะนำไปเสนอขายคันละ 2,000 – 2,500 บาท
ทั้งนี้จากการสอบปากคำเบื้องต้นทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง และยอมรับว่านำรถจักรยานยนต์ไปขายแล้วนำเงินมาเที่ยวเตร่ และซื้อยาบ้าเสพ เจ้าหน้าที่ได้นำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และชี้จุดที่ไปก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อหาข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกหรือพาทรัพย์นั้นไป, ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น เพื่อคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์.
ภาพ/ข่าว ชมพิศ ปิ่นเมือง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์