ภายหลังจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้นำเอกสาร พยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดีตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา เจ้าของผับจินหลิง ที่เปิดให้ชาวจีนเข้ามาเที่ยวและเสพยาเสพติด มอบให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ดำเนินคดีกับนายทุนจีน นอมินี และผู้ที่เกี่ยวข้อง
โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยว่า พยานหลักฐานที่นำมามอบให้วันนี้มีความสำคัญที่สุด เป็นเส้นทางการเงินของตู้ห่าว ที่ชัดเจน 100% อีกทั้งยังขอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตรวจสอบข้อมูลกับสถานทูตจีนว่า ตู้ห่าว ยังถือสัญชาติจีนอยู่หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายในประเทศจีน หากมีคนจีนกระทำความผิดต่างประเทศ และยังถือสัญชาติจีนอยู่ จะต้องถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศจีน
กระทั่งในช่วงเวลา 15.00 น. ที่โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ ได้นัดหมายสื่อมวลชนแถลงข่าว เกี่ยวกับรายละเอียดในเอกสารที่มอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ต้องแยกให้ออก ระหว่างจีนเก่ากับจีนใหม่ วันนี้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของกลุ่มจีนใหม่ ที่แฝงไปด้วยธุรกิจสีเทา และได้สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ
นายชูวิทย์ ได้เปิดรายชื่อนอมินี “ทุนจีนสีเทา” และอัตราค่าจ้างงาน เปิดเส้นทางการเงินว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เเละยังย้ำว่าระบบราชการอ่อนแอ เคลียร์ได้ ส่งผลทุนจีนผงาด
ทั้งนี้นายชูวิทย์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุนจีนสีเทาและนอมินีนั้น จะมีการทำงานของบรรดามาเฟียจีน โดยมีนอมินีเป็นตัวแทนออกหน้าเสมอ
นอกจากนี้ยังพบว่า มีการแอบอ้าง , ตั้งสมาคมเถื่อน , ตั้งมูลนิธิเถื่อน , แอบอ้างเบื้องสูง , แต่งกายคล้ายทหาร , เป็นต้น สำหรับบุคคลที่เป็น นอมินี ของนายตู้ห่าว โดยนายชูวิทย์พุ่งเป้าไปมากที่สุดคือผู้หญิงรายหนึ่ง ที่ขายเครื่องครัว ย่านพระราม 4โดยนายชูวิทย์อ้างว่า หญิงรายนี้ชื่อ พัชรินทร์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายตู้ห่าว มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินทั้งหมด จึงเป็นไปไม่ได้ที่หญิงขายเครื่องครัว จะมีทรัพย์สินหลายพันล้าน