ทางที่ยากของ…..พล.อ.ประยุทธ์

บิ๊กตู่ไปต่อการเมือง “คิดได้” แต่  “ไปยาก”    รวมไทยสร้างชาติโอกาสน้อยเป็นที่หนึ่ง  ลุ้นเต็มที่แค่ที่ ๓ พรรคฝ่ายรัฐบาล แถมจะเป็นนายกฯได้อาจต้องคุยกับ  “เสี่ยหนู" ให้ได้ก่อน ว่าเห็นด้วยกับสูตร "นายกฯคนละครึ่ง" เป็นสร.๑ คนละ ๒ปี จะเอาไหม   หนำซ้ำต้องลุ้นขั้วรัฐบาลรวมเสียงข้างมากให้ได้ด้วย  รอลุ้นเป็นนายกฯเทอม ๓  ว่ายากแล้ว   บริหารประเทศวันข้างหน้ายิ่งยากกว่า  เป็นนายกฯ ๒ สมัยแรกแค่ “เผาหลอก”  ได้บารมีหัวหน้าคณะปฏิวัติ กระแสดี  มีฐานส.ส.พลังประชารัฐหนุน   แต่เป็นนายกฯเที่ยวต่อไปสิ “เผาจริง” ไร้ลุงป้อมเคียงคู่ อยู่พรรคเบอร์รอง เป็นน้ำใต้ศอกพรรคร่วมรัฐบาล สารพัดเขี้ยวรากทางการเมือง

แม้จะยังไม่เอ่ยปาก พูดออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะไปต่อทางการเมืองอย่างไร แต่สัญญาณ ทิศทาง ขุนพล คนแวดล้อมข้างกาย  “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ชัดเจนว่าไปต่อทางการเมืองแน่ และเรือแป๊ะลำใหม่ที่จะอุ้มสมนำบิ๊กตู่ขึ้นฝั่งเที่ยวหน้าก็น่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  พรรคน้องใหม่มาแรงที่ตั้งขึ้นเพื่อภารกิจเฉพาะกิจในครั้งนี้  ถามว่าโอกาสที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะพาบิ๊กตู่สู่ฝันเป็นนายกฯสมัย ๓ นั้นมีไหม ตอบเลยมี ถามต่อว่ายากไหม ตอบเลยว่า โคตรยาก เพราะเลือกตั้งรอบหน้าไม่มีทางที่บิ๊กตู่จะผงาดขึ้นเป็นสร.๑ ได้ง่ายๆแบบปลอกกล้วยเข้าปากเหมือนเลือกตั้งคราวก่อนตอน  ๒๔ มี.ค.๒๕๖๒ แน่นอน

อย่าลืมว่ารอบที่แล้วตอนแข่งกับ “ธร ล้มเจ้า” พรรคส้มปูด บิ๊กตู่ได้คะแนนสนับสนุนจากส.ส.๒๕๑ เสียง จากส.ว.อีก ๒๔๙ เสียง รวมกันได้เป็นนายกฯด้วยเสียงส.ส.กับส.ว. ห้าร้อยพอดี  ส่วนธรล้มเจ้าได้เสียงสนับสนุน ๒๔๔ เสียง  ใน ๒๕๑ เสียงคราวก่อน แบ่งเป็น พลังประชารัฐ ๑๑๖ เสียง ประชาธิปัตย์ ๕๑ เสียง ภูมิใจไทย ๕๐ เสียง ชาติพัฒนา ๑๐ เสียง รวมพลังประชาชาติไทย ๕ เสียง  ชาติพัฒนา ๓ เสียง พลังท้องถิ่นไทย ๓ เสียง และพรรคเล็กๆอีกราว ๑๓ เสียง  ถามว่าเลือกตั้งคราวหน้าขั้วรัฐบาลเก่าจะรวมเสียงได้ถึง ๒๕๑ เสียงได้ส.ส.เท่าเก่าหรือไม่  บอกเลยรวมกันอาจได้เท่าเก่าแต่พรรคแกนนำครั้งใหม่จะไม่ใช่พลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างแน่นอน  หลังแยกทางทางการเมืองกับบิ๊กตู่แล้ว  รวมถึงรวมไทยสร้างชาติพรรคใหม่ของบิ๊กตู่ก็ไม่มีทางเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล เพราะรอบหน้าแกนนำขั้วใหม่ดูทรงแล้วไม่แคล้วเป็นพรรคสีน้ำเงินใบเขียวของ “เสี่ยหนู-ครูใหญ่เน” ที่ตอนนี้มีส.ส.ในมือย่างต่ำๆ ๖๐-๗๐ คน อนาคตถ้าประกาศยุบสภา เผลอๆจะมีส.ส.เขตแห่ซบรวมๆกันแล้วถึง ๗๐-๘๐ คน ตรงนี้เสี่ยหนูจะกลายเป็นเต็งหนึ่งเต็งหามคั่วเก้าอี้นายกฯทันที  ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้  บิ๊กตู่จะไม่ได้เป็นเบอร์ ๑ ฝั่งรัฐบาลที่มีโอกาสเป็นนายกฯแล้ว  เพราะไม่ว่ามองมุมไหนไม่มีทางที่รวมไทยสร้างชาติจะได้ส.ส.มากไปกว่าภูมิใจไทยแน่นอน อย่างเก่งได้ส.ส.มาสัก ๓๐-๔๐ คนก็ถือว่าเก่งมากแล้ว สำหรับพรรคน้องใหม่ที่มีแค่กระแสของบิ๊กตู่อย่างเดียวที่แบกพรรค

ประเด็นต่อมาที่เกี่ยวเนื่องกัน  ในรัฐธรรมนูญ ม. ๑๕๙ ระบุเงื่อนไขการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองต่างๆ ต้องผ่านเกณฑ์ “พรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร”  รวมไทยสร้างชาติต้องได้ส.ส.เกิน ๒๕ คนด้วยถึงจะเสนอชื่อบิ๊กตู่เป็นนายกฯได้  จับพลัดจับผลูไม่ได้ส.ส.อย่างที่ตั้งใจชื่อบิ๊กตู่จะกลายเป็น “เสียของ” ไม่ได้เข้าประกวดในรอบสุดท้ายตกม้าตายเอาง่ายๆ  ลำพังส.ส.เขตที่รวมไทยสร้างชาติมีในมือที่มาแน่ๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ถึงสิบคนหรือยัง ไอ้ที่รับปากว่าจะมาหรือมาแน่ๆ อันนั้นอย่าเพิ่งไปคิดเพราะอนาคตการเมืองอะไรก็เปลี่ยนได้  เพราะฉะนั้นจะหวังได้ส.ส.ถึง ๒๕ คน ตรงนี้ต้องไปลุ้นคะแนนพรรคหวังกระแสบิ๊กตู่มาช่วย  ซึ่งดูแนวโน้มแล้วอาจได้ส.ส.เป็นกอบเป็นกำมากกว่า แต่ถึงได้ก็คงไม่มากเพราะรอบหน้า ส.ส.บัญชีรายชื่อหดจาก ๑๕๐ หรือ ๑๐๐ คน  ถ้าดูจากฐานการเลือกตั้งเก่าเมื่อปี ๒๕๕๔  ที่ใช้ระบบบัตรสองใบ  ส.ส.เขต ๓๗๕ คน  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑๒๕ คน  ตอนที่ยังไม่แยกพรรคแตกแบงค์พันเหมือนทุกวันนี้   เที่ยวนั้นพรรคเพื่อไทยได้คะแนนทั่วประเทศ ๑๕.๗ ล้านคะแนน ได้ส.ส.เขต ๒๐๔ คน ได้บัญชีรายชื่อ ๖๑ คน  รวม ๒๖๕ คน   ประชาธิปัตย์ได้ ๑๑.๔ ล้านคะแนน ได้ส.ส.เขต ๑๑๕  คน บัญชีรายชื่อ ๔๔ คน รวม ๑๕๙ คน  ภูมิใจไทยได้ ๑.๒๘ ล้านคะแนน ส.ส.เขต ๒๙ คน บัญชีรายชื่อ ๕ คน รวม ๓๔ คน

ฐานคะแนนนิยมของพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติก็แตกมาจากประชาธิปัตย์นี้แหละ  เพราะฉะนั้นถัวเฉลี่ยจากคะแนนนิยมในอดีตพรรค ๒ ป. อย่างพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติคงได้ส.ส.บัญชีรายชื่อราวพรรคละ ๑๕-๒๐คน    จะหวังส.ส.เขตคงยากเพราะในภาคใต้เจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ยอมง่ายๆ ที่จะได้คะแนนจริงๆก็ต้องแบ่งคะแนนมาจากพลังประชารัฐ  ถามว่าแตกกันแบบนี้แยกกันสองพรรคแล้วคะแนนจะถึงมือเท่าไหร่ เผลอๆแตกกันเองคะแนนอาจจะเสร็จพรรคประชาธิปัตย์  หรือเผลอๆอาจจะน้อยกว่าภูมิใจไทย   ๑๔ จังหวัดภาคใต้ไม่ใช่เป็นของ “ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐ”แค่​สองพรรค   อย่าลืมว่า  ๓ จังหวัดภาคใต้ก็เป็นของพรรคฝ่ายตรงข้าม  บางเขตบางจังหวัด​ส.ส.ภูมิใจไทยก็จับจอง ที่สำคัญภาคใต้มีส.ส.แค่หยิบมือ รอบหน้าเพิ่มจาก ๕๐ คน เป็น ๕๘ คน    แค่  ๑ ใน ๘ ของส.ส.ทั้งประเทศ ๔๐๐ คน  แย่งน้ำกันแทบตายในบึงเล็กๆ  ต่างจากขั้วทักษิณฝ่ายตรงข้าม มีส.ส.อีก ๗ ส่วน  มีน้ำมหาศาลปานทะเลสาบให้แย่งชิง ช่วยกันหยิบชิ้นปลามันระหว่าง เพื่อไทย ก้าวไกล ไทยสร้างไทย เสรีรวมไทย ฯลฯ

หันมาดูเรื่องกติกาเลือกตั้งครั้งใหม่  ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญไฟเขียวกฎหมายลูกทั้ง ๒ ตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งพ.ร.ป.พรรคการเมืองและพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. สูตรหาร ๑๐๐ ไปๆมาๆ กติกาที่จะใช้เลือกตั้งในอนาคตก็เข้าทางเพื่อไทยเข้าตีนฝ่ายทักษิณแบบเต็มๆ  ที่พูดแบบนี้ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่โง่ก็บ้า โดยปกติคนเป็นรัฐบาลจะออกกติกาเลือกตั้งทั้งทีก็ต้องให้เป็นประโยชน์เป็นบวกกับฝ่ายตน  แต่เที่ยวนี้กติกาเลือกตั้งดันไปเข้าทางฝ่ายตรงข้ามเป็นประโยชน์กับคู่แข่งเสียอย่างนั้น  เพราะกลับไปใช้สูตรเลือกตั้งเหมือนปี ๒๕๔๐ เลือกตั้งบัตร ๒ ใบ ส.ส.เขต ๔๐๐ คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑๐๐ คน  ตรงใจที่ฝ่ายทักษิณขั้วตรงข้ามอยากได้แบบเต็มๆ  ทั้งๆที่ความจริงก่อนหน้านี้กูรู ผู้รู้ อุตส่าห์วางแนวกติกาเลือกตั้งไว้เป็นอย่างดี ปิดจุดอ่อนเสริมจุดแข็งเรียบร้อย  แต่ตอนเสนอกฎหมายลูกเข้าสภา  ตัวแทนพลังประชารัฐอย่างไพบูลย์  นิติตะวัน มือกฎหมายของพรรค ดันสอดไส้ประเด็นให้ส.ส.เข้าไปล้วงลูกงบประมาณได้   สุดท้ายร่างกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐเลยถูกตีตกไป  รัฐบาลเลยต้องไปเอาร่างกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นร่างสำรองมาใช้แทน จากนั้นพอไปถึงขั้นตอนการคิดสูตรส.ส.บัญชีรายชื่อ  เดิมทีฝ่ายบิ๊กตู่คิดกันเสร็จสรรพยังไงต้องไปต่อด้วยสูตรหาร ๕๐๐ ถึงจะบล็อกพรรคเพื่อไทยหยุดแลนด์สไลด์ฝ่ายทักษิณได้  แต่ก็เป็นไพบูลย์กับ “ผู้กอง”ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงคนใกล้ชิดลุงป้อมโดยเฉพาะ “ ป.ที่ ๔” และ  เพื่อนรัก “ตท. ๖” นั้นแหละที่ไปเป่าหูยุยงลุงป้อมไปอธิบายผิดๆ จนที่สุดลุงป้อมเลยสั่งให้ส.ส.และส.ว.ในสายตัวเองเทคะแนนเปลี่ยนโหวต   พลิกเกมจากสูตรหาร ๕๐๐ มาเป็นสูตรหาร ๑๐๐  ทั้งที่ๆ หมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และ แกนนำในพรรคพลังประชารัฐหลายคนช่วยกันอธิบายให้ลุงป้อมฟังว่าสูตรหาร ๑๐๐  จะเข้าทางโทนี่แบบจังเบอร์   แต่เจ้าตัวก็ยังดื้อไม่เข้าใจไม่ฟัง  สุดท้ายยืนกรานสูตรหาร ๑๐๐ จนนำมาสู่การใช้สูตรนี้คิดคำนวณในที่สุด

จากวันนี้ถึงวันครบอายุสภาผู้แทนราษฎร ๒๔ มี.ค. ๒๕๖๖ เหลือเวลาไม่ถึง ๔ เดือน  ที่บิ๊กตู่จะนับถอยหลังเลือกวัน ว.เวลา น.ในการยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ ตอนนี้ก็รอแค่การนำกฎหมายลูก ๒ ฉบับทูลเกล้าขึ้นไปจากนั้นก็รอกฎหมายลูกที่ว่าโปรดเกล้าฯลงมา  กติกาเลือกตั้ง ๒ ฉบับลงมาวันไหน จับตาบิ๊กตู่เตรียมนับถอยหลังยุบสภาเลือกตั้งใหม่ได้เลย  อนิจจาบิ๊กตู่เหลือเวลาเป็นนายกฯในตำแหน่งได้อีก  ๒ ปีเศษ  เทอมสุดท้ายกำลังลุ้นจะไปต่อนายกฯสมัย ๓ ขอบริหารประเทศให้จบครบเวลาตามรัฐธรรมนูญ แต่ดูเส้นทางกลับตึกไทยคู่ฟ้าในเลือกตั้งคราวหน้าคงลำบากจริงๆ  จบเลือกตั้งต่อให้กระแสบิ๊กตู่ยังดีขนาดไหนแต่สุดท้ายหลังเลือกตั้งรวมไทยสร้างชาติบ้านหลังใหม่ไม่มีทางได้ส.ส.มาอันดับหนึ่งในขั้วรัฐบาลเก่า ประเมินคร่าวๆจากจำนวนส.ส.เขตในมือแต่ละพรรคตอนนี้  พรรคภูมิใจไทยของเสี่ยหนูครูใหญ่เน คราวก่อนได้ส.ส. ๕๑ คน แต่ตอนนี้เนื้อหอมกระแสพรรคดีมีส.ส.พรรคอื่นตามมาเกือบ ๒๐ คน เลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้าหมายกวาดส.ส. ๕ จังหวัดอีสานใต้ให้มากสุด ทั่วประเทศเบ็ดเสร็จน่าจะได้ส.ส.มากสุดราว ๗๐-๘๐ คน เผลอๆอาจไหลไปถึง ๙๐ คน รองลงไปน่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ค่ายสีฟ้าของ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ที่รอบก่อนมีส.ส. ๕๓ คน แต่เที่ยวนี้น่าจะได้มากกว่าเก่า ไม่งั้น “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคไม่กล้าประกาศ ถ้าน้อยกว่าเก่าจะเลิกเล่นการเมืองกลับบ้านเมือง ๓ อ่าวประจวบคีรีขันธ์เลย เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่คราวก่อนได้ ๒๒ คน รอบนี้พลังประชารัฐแตกทัพไปรวมไทยสร้างชาติ ตรงนี้พรรคสีฟ้าที่มีจุดแข็งในเรื่องตัวผู้สมัครเก่าเก๋าพื้นที่ หัวคะแนนแข็งแรง ผสมคะแนนนิยมของพรรคทางภาคใต้ เที่ยวหน้าหวังสอดแทรกหลายเขตมีลุ้นตีเมืองคืน อีกสนามคือกรุงเทพฯรอบก่อนสูญพันธ์ รอบนี้มีลุ้นได้กลับมาบ้างแน่ ๒-๓ คน โดยมี “องอาจ-สุชัชชวีร์-มาดามเดียร์” เป็นทีมงานหลักนำทัพเมืองหลวง เลือกตั้งเที่ยวหน้าประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับมาลุ้นเป็นพรรคอันดับ ๒  ขั้วรัฐบาลเก่าได้ไม่ยาก      ด้านรวมไทยสร้างชาติแม้เป็นพรรคใหม่  แต่ก็อาจมีลุ้นเข้ามาเป็นพรรคอันดับ ๓ ด้านหลักคงได้จากกระแสชื่นชอบในตัวบิ๊กตู่ที่จะมากับคะแนนพรรค ส่วนส.ส.เขตก็ต้องลุ้นว่าตัวทีเด็ดที่ พีระพันธุ์กับเสี่ยขิงไปดึงมาจากพรรคประชาธิปัตย์ จะชนะเลือกตั้งมามากขนาดไหน เป้าหมาย ๕ จังหวัดภาคใต้ ” ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา” ถึงเวลาจริงจะได้ส.ส.มากี่คน ส่วนพลังประชารัฐของลุงป้อมหลังแยกทางกับบิ๊กตู่ จากพรรคอันดับหนึ่งแกนนำรัฐบาล ครั้งหน้าเต็มที่ได้มา ๒๕-๓๐ คนก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เพราะตัวดีๆถูกดึงถูกดูดแยกย้ายกันไปหมด กทม.เดิม ๑๒ คน เหลือตอนนี้แค่ ๒-๓ คน เพราะถูก ๓ พรรค “รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย-เพื่อไทย” รุมทึ้งไปหมด ทางใต้ ๑๓ คนแยกย้ายไปหมดแล้ว ส่วนหนึ่งตามบิ๊กตู่ไปพรรคใหม่ที่เหลืออยู่ก็ลุ้นยากเต็มที เพราะไม่มีกระแสนายกฯมาช่วยแล้ว อีสานจาก ๑๑ ตอนนี้เหลือจริงแค่ ๕ คนกลุ่ม วิรัช ภาคเหนือจาก ๒๑ คน ปัจจุบันที่ยังอยู่มีแค่กลุ่มกำแพงเพชรของวราเทพ กับก๊วนเพชรบูรณ์ ๕ คนของสันติ อาจมีเด็กธรรมนัสเติมกลับมานิดหน่อยแต่ก็คงไม่มาก ภาคกลาง ๔๐ คนรอบที่แล้ว ตอนนี้เหลือจริงแทบนับหัวได้ พรรคหนุนบิ๊กตู่ร่วงมาอันดับ ๓ ไม่ได้ส.ส.สูงลิ่วเหมือนเลือกตั้งคราวก่อน  บิ๊กตู่จะเอาอะไรไปต่อรองกับเสี่ยหนูครูใหญ่เน หากภูมิใจไทยได้ส.ส.มา ๘๐- ๙๐ คน ภูมิใจไทยจะยกเก้าอี้สร.๑ ให้บิ๊กตู่ไหม อันนี้ก็ประเด็นหนึ่งแล้ว   ถ้าคุยกันลงตัวยอมหลีกทางใช้สูตร  “นายกฯคนละครึ่ง”  ให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯก่อน ๒ ปี   พอครบวาระเสี่ยหนูค่อยรับไม้ต่อ    ถ้าคุยกันได้แบบนี้ก็จบโอกาสบิ๊กตู่เป็นนายกฯไปต่อสมัย ๓ ก็พอมี  แต่กรณีนี้หมายความว่าเสี่ยหนูต้องยอมกัดฟันยกเก้าอี้สร.๑ ให้บิ๊กตู่เป็นก่อนแม้ภูมิใจไทยเข้าวินมาที่หนึ่ง   แต่บริวารคนข้างๆจะเอาด้วยหรือไม่ยังต้องลุ้น   เพราะโหวตรอบใหม่หลัง ๒ ปีจะไม่มีออปชั่นส.ว. ๒๕๐ คนอยู่ช่วย  อะไรๆก็เกิดขึ้นได้หมด   เสี่ยหนูจะยอมเสี่ยงไปวัดดวงเอาดาบหน้าไหม

ประเด็นต่อมาการเป็นนายกฯของรัฐบาลผสมของบิ๊กตู่   กรณีถ้าพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลรวมเสียงข้างมากได้จริง  ถามว่าอนาคตบารมี อำนาจ ความเด็ดขาดของบิ๊กตู่จะยังมีเหมือนตอนเป็นนายกฯยุคแรกสมัยคสช. หรือยุคสองตอนพลังประชารัฐเสนอชื่อหรือไม่   อย่าลืมว่าแม้บิ๊กตู่จะเป็นนายกฯอีกครั้งได้ไม่ยาก แต่การเป็นนายกฯสมัย ๓ ของบิ๊กตู่เที่ยวหน้า  ดูทรงแล้วไม่มีทางที่รวมไทยสร้างชาติจะมาอันดับหนึ่งแน่นอน  ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือบิ๊กตู่จะโดนพรรคภูมิใจไทยขี่คอ เจอพรรคพลังประชารัฐขย่มแหลก  ถูกพรรคประชาธิปัตย์บี้ขี้แตกแน่นอน  ทั้งเรื่องแบ่งปันสารพัดผลประโยชน์เสนอโครงการต่างๆของพรรคตัวเอง     นี้ขนาดเป็นนายกฯเทอม ๒  ช่วงปลายเทอม พรรคภูมิใจไทยยังสร้างปัญหาออกลูกงอแงหลายเรื่อง ทั้งกัญชา ทั้งประมูลรถไฟฟ้า  ทั้งเงินกยศ.   ส่วนประชาธิปัตย์ก็เขี้ยวรากดิน อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ทุกเรื่อง   ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมไม่ต้องพูดถึง  แยกพรรคกันแล้วภายในมีแต่ตัวเด็ดๆ ไพบูลย์ วิรัช นฤมล รวมถึงกลุ่มของร.อ.ธรรมนัสที่จะกลับมา  พวกนี้รอทิ่มบิ๊กตู่คอยเวลากระทืบพล.อ.ประยุทธ์อยู่ทั้งนั้น  จับ ๓ -๔ เรื่องมาเล่าให้ฟังแบบนี้ เพราะเป็นห่วงบิ๊กตู่เอาใจช่วยคนดีที่เสียสละเพื่อบ้านเมือง เพื่อเตือนพล.อ.ประยุทธ์ไว้แต่เนินๆ   ไม่มีแล้วทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ  อนาคมีแต่ทางที่ยากและขวากหนามล้วนๆที่ต้องก้าวเดิน     เป็นนายกฯ ๒ ครั้งแรกแค่  “เผาหลอก” เพราะมีออปชั่นมาก มีตัวช่วยเยอะ บารมีหัวหน้าคณะปฏิวัติยังพอใช้ได้อยู่  แถมมีลุงป้อมคอยเป็น “เซฟทีคัท”  ตัดปมการเมืองร้อนๆให้      แต่ถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯรอบ ๓  คราวนี้แหละ “เผาจริง”   ได้พบกับบรรดา “เสือ สิงห์ กระทิง แรด”  ตัวจริงแน่       ต่อให้แข็งเป็นหินแบบบิ๊กตู่  เจอ “นักการเมืองพันธ์แท้” แบบฟูลออปชั่นจัดหนักจัดเต็มคาราเบล งานนี้มีหวังอ้วกแตกแน่นอน

/////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อนุกูล” เผย รัฐบาลห่วงใย "พี่น้องชาวใต้" ประสบอุทกภัยน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ เร่งช่วยเหลือลดสูญเสีย
"บิ๊กต่าย" สั่ง ตร.ภ.8-ภ.9 เร่งช่วยเหลือ "ผู้ประสบอุทกภัย" น้ำท่วมภาคใต้อย่างเต็มที่
“นิพิฏฐ์” ชี้ปมอันตรายการเมืองไทย ลั่นเสียดาย "ประชาธิปัตย์" รอวันล่มสลาย
"จิราพร" เผยขอขยายเวลาสอบ "เทวดาสคบ." ต่ออีก 30 วัน
จังหวัดสุรินทร์ จัดงานใส่ไทย เฟสติวัล ISAN SOFT POWER เทศกาลที่เป็น SOFT POWER ด้านแฟชั่นยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี
"อดีตบิ๊กข่าวกรอง" ย้ำชัด ๆ "เกาะกูด" เป็นของไทยแน่นอนตั้งแต่อดีต ลั่นใครก็ไม่มีสิทธิ์แอบอ้าง
"พิชัย" หารือ "ทูตลักเซมเบิร์ก" เปิดโอกาสขยายการค้า ลงทุน 2 ชาติ ฝากหนุนเจรจา FTA ไทย-อียู ให้สำเร็จ
ยะลาวิกฤติหนัก น้ำป่าพัดถนน-สะพานขาด ขณะในตัวเมืองยะลาน้ำท่วมหลายจุด
“สิระ-ทนายเดชา” เปิดวอร์ถล่ม “บ้านป่า” อึ้ง! ถ้า “สามารถ” ไม่โดนรวบ-เจออุ้มแน่
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 6 เตือน 13 จว.ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น