ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ผู้คนหลายพันคน นำโดยสหภาพแรงงานของอิตาลี และกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายหลายกลุ่ม ออกมารวมตัวกันกลางท้องถนน เพื่อประท้วงรัฐบาล โดยผู้ประท้วงมีการชูป้ายข้อความว่า ลดปืนแล้วขึ้นค่าแรง (guns down, wages up) การเปิดฉากประท้วงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี ออกกฤษฎีกาอนุญาตให้รัฐบาล ส่งอาวุธไปยังยูเครนต่อไปได้จนถึงสิ้นปี 2023 โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบอย่างเป็นทางการจากรัฐสภา
ทั้งนี้ ก่อนการประท้วง สหภาพแรงงานได้มีการเขียนลงในหน้าเพจว่า รัฐบาลของเมโลนี กำลังดึงประชาชนเข้าสู่วังวนของสงคราม ที่ผลลัพธ์ของมันนั้น มีแต่จะไม่สามารถคาดเดาได้มากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าอิตาลีเป็นประเทศคู่สงคราม ที่มีความกระตือรือร้นแข็งขันต่อความขัดแย้ง ทั้งๆที่ประชากรส่วนใหญ่ต่อต้านสงคราม สิ่งนี้ ส่งผลให้ทางการมีค่าใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ที่มิลานของอิตาลี เมืองใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกรุงโรม ผู้คนก็ออกมาที่ใจกลางเมือง เพื่อต่อต้านการส่งอาวุธของอิตาลีไปยังยูเครนเช่นกัน โดยนักเคลื่อนไหวได้กล่าวว่า ความสนใจหลักของทางการ ควรเป็นเอกภาพของประเทศ แต่ตอนนี้ อิตาลีถูกครอบงำโดยสหรัฐและนาโตแล้ว
เมื่อเดือนที่แล้ว ยูโรวีค นิวส์ (EuroWeek News) ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนอิตาลี พบว่า ประชาชน 49 เปอร์เซ็นต์ คัดค้านการส่งอาวุธไปยังยูเครน ส่วนผู้เห็นด้วยมี 38 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ชาวอิตาลี 49 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า ยูเครนจำเป็นต้องยอมอ่อนข้อให้กับรัสเซีย ในความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ เพื่อเร่งเข้าสู่กระบวนการสันติภาพ ขณะที่ 36 เปอร์เซ็นต์ ยังต้องการให้ยูเครนสู้ต่อไป ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว อิตาลีก็มีการชุมนุมเรียกร้องให้มีข้อตกลงสันติภาพ เพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งครั้งนั้น มีผู้มาร่วมชุมนุมกว่าแสนคน