วันนี้ (5ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย วางภาระเรื่องสาวไส้ทุนจีนสีเทาไว้ชั่วคราว แล้วถือโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ทำหน้าที่ของพ่อคนหนึ่งด้วยการ โพสต์แชร์ประสบการณ์ ช่วงรับหน้าที่เคลื่อนย้ายศพนักโทษ ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จนเป็นแรงบันดาลใจให้หันมาสร้างกุศลด้วยการบริจาครถขนศพติดแอร์ พร้อมแทรกปรัชญาชีวิตและให้กำลังใจคนเป็นพ่อ ผ่าน เฟซบุ๊ก ส่วนตัว โดยระบุว่า
แด่พ่อทุกคน…เนื่องจาก วันที่ 5 ธันวาคม
.
เมื่อ 30 ปีก่อนเคยสร้าง “ป้อมตำรวจ” ไว้รวม 75 ป้อม ทั่วกรุงเทพฯ ในนาม “มูลนิธิต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์”
.
ถึงวันนี้ ได้จัดทํา “รถเย็นขนย้ายศพ” ให้กับโรงพยาบาลเพื่อความสะดวก
.
เพราะหากไม่มีแอร์ จะมีกลิ่น และไม่เหมาะสม
.
กรณีอาจมีรถฉุกเฉินไม่เพียงพอ หรือเป็นการขนเฉพาะผู้ตายในต่างจังหวัด จึงจำเป็น
.
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน รวยล้นฟ้า มีกิจการเป็นแสนล้าน กินอาหารมื้อละหมื่น กินไวน์ขวดละแสน นั่งรถโรลส์รอยซ์ อยู่บ้านราคาหลายร้อยล้าน
.
หรือเป็นยาจกเข็ญใจ เร่ร่อน เก็บคุ้ยเศษขยะหากินประทังท้องไปวันๆ
.
ทุกคนล้วนต้องนั่งรถเย็นติดแอร์คันนี้เป็นครั้งสุดท้าย
.
พระถึงบอก “ที่ใกล้สุด ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย แต่คือความตาย”
.
ก่อนร่างกายเน่าเปื่อยกลายเป็นผี
.
ผมได้เริ่มสร้าง “รถขนศพ” ด้วยสาเหตุที่ขณะติดคุก ได้เป็นผู้ช่วยอยู่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เก็บศพคนคุกป่วยไข้ตาย ไม่ว่า มะเร็ง เอดส์ หรือสารพันโรคต่างๆ อยู่เกือบปี
“ชูวิทย์” พักเรื่องทุนจีนสีเทา แชร์ประสบการณ์ ช่วงถูกคุมขัง เคยช่วยเคลื่อนย้ายศพนักโทษ ในโรงพยาบลราชทัณฑ์ จนเป็นแรงบันดาลใจ ให้หันมาสร้างบุญด้วยการบริจาครถขนศพติดแอร์ บริจาคร่างกาย และทรัพย์ให้เป็นวิทยาทาน ทิ้งท้ายคำคม พ่อจะยากดีมีจนขอให้ปั้นคนให้รู้จักแยกแยะชั่วดี เพราะความเป็นพ่อนั้น ยิ่งใหญ่เหนือหน้าที่อื่นใด ขอให้พ่อทุกคนมีกำลังใจเข้มแข็ง ชีวิตที่ไม่สู้ ย่อมเป็นชีวิตที่ปราศจากรสชาติ
ข่าวที่น่าสนใจ
.
เก็บศพคนคุกไปร่วม 80 ศพ
.
จนในคุกตั้งฉายาว่า “ป๋าชูเก็บศพ”
.
ได้เห็นทุกขเวทนาของคนที่ ก่อนตายไร้ญาติขาดมิตร ถูกจองจำ ลืมตาโพล่งตายไปทั้งที่มีตรวนล่ามขาอยู่
.
คิดในใจอยู่ตลอดว่า หากมีโอกาสจะทำรถติดแอร์ขนศพแบบนี้ให้ เพราะเก็บศพคนคุกแล้ว มารอรถปอเต็กตึ้ง หรือร่วมกตัญญู เข้ามารับต่อ กลิ่นออก เพราะไม่มีแอร์ไว้อยู่หลังรถกระบะ
.
แถมบางทีก็มีเพื่อนตายติดรถมาก่อนแล้วด้วย
.
โดยหาก เป็นโรงพยาบาลที่มีรถแบบนี้อยู่แล้ว ก็ให้เป็นเงิน แต่เน้นที่ “กายวิภาคศาสตร์”
.
เพราะผู้ที่ตายยังอุตส่าห์ทำคุณประโยชน์ มอบร่างเป็น “อาจารย์ใหญ่” ให้นักศึกษาแพทย์ไว้ศึกษาจริง
.
ของฝรั่งเขาไม่มี ใช้หุ่นทดลอง ไม่มีใครเขาบริจาคแบบไทย ถึงขนาดต้องมาดูงานเอาก็มี
.
ตัวกระผมเป็นไม้ใกล้ฝั่ง ตายเป็นผีก็มอบร่างไว้ที่ โรงพยาบาลศิริราช เช่นกัน
.
โดยบริจาคอยู่ประจำให้กับ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ไปปีละ 2 ล้านบาท มา 2 ปีแล้ว รวม 4 ล้านบาท
.
ระยะหลังทำ “รถห้องเย็น” ให้ เพราะอากาศร้อน
.
หากไปรับอาจารย์ใหญ่ถึงต่างจังหวัดไกลๆ ใช้เวลานานจะเดือดร้อน เพราะกลิ่นมันแรงตอนตาย
.
จากประสบการณ์เก็บศพของผม แล้วแต่คน บางคนตายไม่ถึง 2 ชั่วโมง กลิ่นโชยคลุ้งแล้ว
.
คันแรก บริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช
คันที่สอง บริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
.
คันนี้เป็นคันที่สาม บริจาคให้โรงพยาบาลตำรวจ
.
ส่วนโรงพยาบาลใดต้องการ แจ้งความประสงค์ได้ ยินดีทําให้
.
มูลค่ารถพร้อมห้องเย็น คันละประมาณ 1 ล้านบาท
.
ผมมีเงินไม่มาก แต่ใช้เงินอย่างระมัดระวังเสมอ มีน้อยใช้น้อย มีมากเหลือเก็บไว้ทำบุญบ้าง
.
กุศลผลบุญในครั้งนี้ขอมอบให้กับพ่อทุกคน เพราะวันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ มอบรถคันที่ 3 ให้ โรงพยาบาลตำรวจ แผนกนิติเวช
.
ดังนั้น ไม่ว่าเป็นพ่อที่ยากดีมีจน ขอให้สร้างคนปั้นลูกให้เป็นผู้รู้จักแบ่งแยกชั่วดีเลว
.
ความเป็นพ่อนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ยิ่งใหญ่เหนือหน้าที่อื่นใด
.
ขอให้พ่อทุกคนมีกำลังใจเข้มแข็ง เพราะในสุภาษิตพจนานุกรมฉบับ “ชูวิทย์” บอกไว้เสมอว่า
.
“ชีวิตกับสู้เป็นของคู่กัน ชีวิตที่ไม่สู้ ย่อมเป็นชีวิตที่ปราศจากรสชาติ” ครับ
.
ฝากเอาไว้ถึงพ่อทุกคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง