เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สนามโรงเรียนคำประถมนิคมสงเคราะห์ บ้านคำประถม ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายธนภัทร ณ ระนอง ปลัดจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดการประกวดควายงามชิงแชมป์เมืองน้ำดำ อีกหนึ่งกิจกรรมตามโครงการทำดีเพื่อพ่อสานต่อพระราชปณิธาน (ร.9) นมัสการหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยลวิถีริมเขื่อนลำปาว โดยมีนางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ นายวิญญู ขันผง นายกเทศมนตรีตำบลนิคม ดร.สมจิตร กันธาพรม จากคุ้มควายกาฬสินธุ์ นายพิเชษฐ์ ปรีจิตต์ กำนันตำบลนิคม ส่วนราชการ ประชาชน นักท่องเที่ยว เกษตรกรผู้เลี้ยงควายกว่า 2,000 คน นำควายงาม ทั้งควายดำและควายเผือกกว่า 200 ตัว ร่วมประกวด บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
ต่อมานายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ และพระครูสิทธิวราคม ดร. เจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ (ธ) เดินทางไปมอบรางวัลให้กับเจ้าของควายงาม ที่ได้รับรางวัลประเภทต่างๆ พร้อมกับเดินชมควายงามกว่า 200 ตัว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่เกษตรกรนำมาประกวดและโชว์ตัวในงาน เพื่อให้กำลังใจเกษตรกรผู้เลี้ยงควายงามในครั้งนี้
นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รองผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การจัดประกวดควายงามครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะเป็นการเปิดตลาดควายไทย ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ควบคู่สังคมไทยมาช้านาน ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งควายนั้นเป็นทั้งสัตว์เลี้ยง และสำหรับใช้แรงงาน มูลยังใช้เป็นปุ๋ยบำรุงพืชอีกด้วย ควายจึงถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งทางจังหวัดมีนโยบายที่จะให้การส่งเสริมเกษตรกร ได้หันมาเลี้ยงควายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในส่วนของการจัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์และส่งเสริมการเลี้ยงควายไทย โดยการจัดกิจกรรมประกวด เช่น มหกรรมประกวดควายชิงแชมป์เมืองน้ำดำ ที่มีการประกวดควายงาม ทั้งประเภทควายดำ ควายเผือก ควายลูกผสมในครั้งนี้
ด้านนางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์กล่าวว่า การประกวดควายงามหรือมหกรรมประกวดควายชิงแชมป์เมืองน้ำดำ เป็นกิจกรรมหนึ่งตามโครงการทำดีเพื่อพ่อสานต่อพระราชปณิธาน (ร.9) นมัสการหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยลวิถีริมเขื่อนลำปาว ซึ่งงานได้เริ่มจัดมาตั้งแต่วันนี่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา วันนี้เป็นการประกวดควายงาม ซึ่งมีมีเกษตรกรผู้ลั้ยงควายควายงามภายใน จ.กาฬสินธุ์เข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมากเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ยังมีควายงามนอกพื้นที่มาร่วมโชว์อีกหลายตัว ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่บูรณากาการทำงานครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง ทั้งนี้ อำเภอสหัสขันธ์มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะจัดจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และงานประกวดควายงามอีกในโอกาสต่อไป
ขณะที่ ดร.สมจิตร กันธาพรม จากคุ้มควายกาฬสินธุ์ กล่าวว่าในนามกรรมการจัดงาน ขอขอบคุณทุกภาคส่วนและเกษตรกร ที่ให้ความร่วมมือให้การจัดงานประกวดควายงามครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี ที่นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ควายไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ใจเกษตรกรทุกรุ่น ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ และชี้ให้เห็นประโยชน์และคุณค่าของควายไทย การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่งในการส่งเสริมและอนุรักษ์ควายไทย เป็นตัวชี้วัดได้ว่าชาวกาฬสินธุ์หรือคนไทยยังนิยมเลี้ยงควาย ซึ่งตนและกลุ่มผู้เลี้ยงควายก็จะพยายามผลักดันกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับควายต่อไป เพื่อให้มีการขับเคลื่อน และนำไปสู่ความยั่งยืนสืบไป
นายทนุพงษ์ ดงตะนัย เกษตรกรผู้เลี้ยงควาย อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 56 หมู่ 5 บ้านหนองขาม ต.ยาง อ.บรบือ จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ครอบครัวตนผูกพันกับควายมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัจจุบันเลี้ยงควายฝูง 50 ตัว มีเครือข่ายกลุ่มผู้เลี้ยงควายทั้งใน จ.กาฬสินธุ์และหลายจังหวัด ซึ่งการเลี้ยงควายนั้นได้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น ขายน้ำเชื้อ ขายเป็นตัว และขายมูลซึ่งเป็นปุ๋ยคอก จึงอยากจะเชิญชวนเกษตรกรหันมาเลี้ยงควายกันมากๆ เพราะนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ควายไทยแล้ว ยังใช้มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ โดยควายที่ตนนำมาโชว์ในครั้งนี้ชื่อจ้าวทองแท้ มูลค่า 10 ล้านบาท หากรวมราคาทุกตัวที่มาร่วมในงานคงไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาททีเดียว.
ภาพ/ข่าว ชมพิศ ปิ่นเมือง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.กาฬสินธุ์