8 วิธีป้องกัน “โดนดูดเงินในบัญชี” หลังผูกบัญชีช็อปปิ้งออนไลน์

โดนดูดเงินในบัญชี เงินออกจากบัญชีเอง เงินในบัญชีถูกหัก

"โดนดูดเงินในบัญชี" หลังผูกบัญชีช็อปปิ้งออนไลน์ ตำรวจไซเบอร์ แนะ 8 วิธีป้องกัน หากถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้ก่อนเพื่อความปลอดภัย

“โดนดูดเงินในบัญชี” เงินออกจากบัญชีเอง เงินในบัญชีถูกหัก เงินหายจากบัญชีธนาคาร ผูกบัญชีธนาคาร เป็นอีกหนึ่งหนึ่งภัยไซเบอร์ที่ตอนนี้มีประชาชนหลายคนได้รับความเสียหายอยู่ไม่น้อย สำหรับกรณีมีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับแอปช็อปปิ้งออนไลน์แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แนะ 8 วิธีป้องกัน เช็คเลยที่นี่ TOP News

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“โดนดูดเงินในบัญชี” โดยทางด้าน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB ได้ระบุข้อความว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้า กรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

 

โดนดูดเงินในบัญชี เงินออกจากบัญชีเอง เงินในบัญชีถูกหัก

 

 

ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่าง ๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

 

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

 

 

โดนดูดเงินในบัญชี เงินออกจากบัญชีเอง เงินในบัญชีถูกหัก

 

 

 

ทางด้าน โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

 

โดยมีแนวทางป้องกัน ดังต่อไปนี้

  1. หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน
  2. บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก
  3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ที่แหล่งมา ควรดาวน์โหลดใน AppStore หรือ Playstore เท่านั้น
  4. ที่สำคัญระมัดระวังการกรอกข้อมูลหมายเลขบัตรผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันจริง เพื่อหลอกเอาข้อมูล โดยหากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใดให้พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ด้วยตัวเองเท่านั้น
  5. ตั้งค่าการแจ้งเตือนการทำรายการบัญชีธนาคารผ่านข้อความสั้น (SMS) หรือแอปพลิเคชันไลน์ (Line)
  6. หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือออนไลน์ ที่ต้องกรอกข้อมูลเลขด้านหน้าบัตร และรหัส 3 ตัวหลังบัตร (CVV)
  7. ควรนำแผ่นสติกเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร (CVV) หรือจำรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตรเพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน
  8. หากพบสิ่งผิดปกติของบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต ให้ทำการแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์

 

ทั้งนี้หากท่านได้รับความเสียหาย ให้ทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หรือพบเบาะแสการกระทำผิด ข้อขัดข้องใด ๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนหมายเลข 1441 หรือหมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com

 

 

โดนดูดเงินในบัญชี เงินออกจากบัญชีเอง เงินในบัญชีถูกหัก

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ผบ.ตร." สั่งปูนบำเหน็จ พร้อมสวัสดิการ "5 นักบินตำรวจ" เสียชีวิต อย่างสมเกียรติ อีก 1 นายบาดเจ็บ ยังไม่ได้สติ
"นฤมล" เปิดโครงการอบรม "หมอดินอาสา" นำเทคโนฯใช้ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตเกษตรกร
"หมอสุรัตน์" ชี้เคสแปลก หนุ่มใหญ่ปวดหัวเรื้อรัง กินยาไม่หาย ตรวจสมองปกติ เอกซ์เรยพบกระดูกคอเบี้ยว เหตุนั่งทำงานหน้าคอมนาน
ท็อปนิวส์เปิดครัวหน้าจอ! อร่อยหลังข่าวเที่ยง พฤษภาคมนี้ห้ามพลาด "สถานีข่าวท็อปนิวส์" จับมือ "นกเพนกวิน 3 ตัว" เสิร์ฟความอร่อยหลังข่าว เปิดช่วงใหม่ "ครัวหลังข่าว"
"รองฯแต้ม" ย้ำคดี "พีช" ติดคุกแน่ แจงถึงข้อหาพยายามฆ่าหรือไม่ ลั่นสนิท "บิ๊กต่าย" ไม่ช่วยรอดผิด
“ทรัมป์” โม้หนัก! เจรจาการค้าจีนทุกวัน อีกฝ่ายออกมาแหกยับ ลั่นอย่าพูดมั่ว
"กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า" ออกแถลงการณ์ วอนทุกภาคส่วน ร่วมยุติไฟใต้
"อดีตนักบินทัพฟ้า" ชี้สาเหตุเครื่องบินเล็ก สตช.เกิดอุบัติเหตุตกทะเล "หัวหิน"
"อดีตสว.สมชาย" นำทีมยื่นป.ป.ช.สอบผิดครม. "เศรษฐา-แพทองธาร" ผิดรธน.ตัดงบฯ 3.5 หมื่นล้าน ใช้แจกเงินหมื่น
ผบ.ตร. สดุดี "5 ตำรวจกล้า" บังคับเครื่องบิน ไม่ลงจอดชุมชน ยืนยันดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ รุดเยี่ยม "ร.ต.อ.จตุรงค์" นักบินรอดชีวิต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น