“อธิการฯหอการค้า” ชี้ชัดปรับค่าแรง600กระทบหนัก เอกชน-ต่างชาติชะลอลงทุน

วันนี้ ( 8 ธ.ค.) รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน และผลักดันให้ผู้จบปริญญาตรี มีเงินเดือน 25,000 บาท ของพรรคการเมืองเพื่อประกอบการหาเสียงเลือกตั้ง ว่า ในการกำหนดเป้าหมายค่าแรงดังกล่าว โดยข้อเท็จจริงถือเป็นภาระหนักต่อภาคเอกชน เจ้าของธุรกิจ และแม้จะอ้างเป็นการทยอยปรับขึ้นภายใน 4 ปี หรือภายในปี 2570 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายอดสุดท้ายของการปรับขึ้นค่าแรงจะสูงถึง 40 -60 % หรือเฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณตรงถึงภาคเอกชนที่ต้องเตรียมแบกรับภาระ รวมถึงมีโอกาสสูงในการทำให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจชะลอการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากข้อเสนอปรับค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันถือว่าเป็นการกระชากอัตราค่าแรงมากไป จึงต้องมีการกลั่นกรองที่ดี เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระหนักให้แก่ภาคเอกชน

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน จะสามารถเป็นไปได้ หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7-10 % และ ภาคเอกชนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้น พรรคการเมือง จะต้องมองเป้าหมายเรื่องการทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ดีก่อน เพราะเมื่อเศรษฐกิจในประเทศดีแล้ว เชื่อว่าภาคเอกชนจะมีความพร้อมในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจได้เอง

ขณะเดียวกันอยากฝากด้วยว่า การออกนโยบายหรือมาตรการใดๆ ก็ตาม ภาครัฐควรจะมีการประเมินถึงผลดีผลเสียของนโยบายหรือมาตรการต่างๆว่าดีหรือไม่ประกอบการพิจารณาแผนงานต่าง ๆ ไปด้วย อาทิ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน , นโยบายชอปดีมีคืน , โครงการคนละครึ่ง , โครงการประกันราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่าการดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ เหล่านั้นดีหรือไม่ เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างไรบ้าง

 

นอกจากนี้ รศ.ดร. ธนวรรธน์ ยังประเมินถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า จะทำให้เกิดเม็ดเงินใช้สำหรับกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้ง ในภาพรวมราว 4 หมื่นล้านบาท กระจายลงไปในระดับภูมิภาค และก่อให้เกิดการจ้างงาน จ้างผลิตสินค้าต่างๆ เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเม็ดเงิน 4 หมื่นล้านบาทนี้ จะเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อีกรวมแล้ว 7-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีผลช่วยกระตุ้น GDP ปี 66 ให้เพิ่มขึ้นอีก 0.4-0.6% จากฐานที่ตั้งไว้ และหลังจากเลือกตั้งแล้ว ต้องรอดูว่าใครจะได้มาเป็นรัฐบาล เพราะจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ และการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในอนาคตอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวบ้านทรุดก้มกราบ “ทักษิณ” ขอปรึกษาปัญหาชีวิต การ์ดรีบยกตัวออก
เกมแล้ว! หนุ่มแต่งรถประดับไฟสี ธีมคริสต์มาส ขับเฉิดฉายทั่วถนน ปรับฉ่ำๆ 2 ข้อหา
แจ้ง 4 ข้อหาหนัก 'อส.เมากร่าง' ยิงสนั่นกลางร้านข้าวต้ม ดับ 2 ศพ เปิดวงจรปิดอีกมุม เห็นวินาทีก่อเหตุชัด
ตร.ไซเบอร์ ขยายผลตามรวบ "ผู้จัดหาบัญชีม้า" แก๊งลวง "ชาล็อต" กว่า 4 ล้านบาท
“บิ๊กอ้วน”ซัดปาก! พวกกระหายสงคราม “บิ๊กปู” คอนเฟิร์ม “ว้าแดง” เรียบร้อยดี
เวียงแหงโมเดล! เยาวชนคนรุ่นใหม่ One Young World เครือซีพี ปักธง FIGHT หมอกควันชายแดนไทย-พม่า เรียนรู้-ชวนชุมชมร่วมลด PM 2.5
ทิพยประกันภัย จับมือ NT ลงนาม MOU พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคดิจิทัล
กรมวิทย์ฯ บริการ มอบของขวัญปีใหม่ประชาชน 2568 ..ฟรี !! ฝึกอบรมเสริมทักษะด้าน วทน. ฟรีค่าธรรมเนียมยื่นขอการรับรองทุกขอบข่าย เสริมความสามารถของห้องปฏิบัติการไทยสู่สากล
"ณเดชน์-เบลล่า" ขึ้นแท่นดาราแห่งปี "หมูเด้ง" ข่าวเด่นแห่งปีของจริงกลบทุกกระแส
เซเว่นฯ เดินหน้านโยบาย “2 ลด ลดพลาสติก ลดพลังงาน" เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชม. เชิญชวนคนไทย ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น