นับถอยหลังครบวาระสภาผู้แทนราษฏร ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ก็ขยับใกล้เข้ามาทุกที จากนี้เหลือเวลาแค่ ๓ เดือนเศษเท่านั้นก็จะหมดวาระการทำหน้าที่ ล่าสุดนายหัวชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏรก็ออกมายืนยันว่าได้ส่งกฎหมายลูก ๒ ฉบับ คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง กับ พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. ที่เป็นกฎหมายสำคัญสำหรับการเลือกตั้งในอนาคตให้รัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไม่เกิน ๕ วันถ้าไม่มีใครร้องศาลรัฐธรรมนูญอีกนายกฯต้องนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ โดยกฎหมายลูกทั้ง ๒ ฉบับจะอยู่ในพระบรมราชวินิจฉัยไม่เกิน ๙๐ วัน ก่อนจะโปรดเกล้าฯลงมา เร็ว-ช้าแค่ไหนตรงนี้ก็จะเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวเนื่องไปถึงการยุบสภาในอนาคตด้วย
นอกจากตัวกฎหมายจะมีความคืบหน้าไปมากแล้ว การเมืองที่เคยติดๆขัดๆ กึกๆกักๆ ก็เริ่มเห็นเค้าลางในภายหน้าชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอนาคตของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ลาสุดออกมายอมรับกับสื่อทำเนียบพูดกับนักข่าวทีมตามนายกฯแล้วว่า จะไปต่อ อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาอีก ๒ ปี ถึงปี ๒๕๖๘ แม้จะยังไม่พูดว่าจะไปต่อกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาให้ได้ยินกันชัดๆ แต่บิ๊กตู่ยินวันว่าเวลาที่เหลือจะบริหารประเทศให้ดีที่สุด “ ก็ ๒ ปี ก็จะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด และจากนั้นต่อมาก็จะมีคนใหม่ที่เหมาะสม ที่ประชาชนยอมรับ และทำต่อแค่นั้นเอง” พล.อ.ประยุทธ์พูดออกมาแบบนี้ก็แสดงว่ามั่นใจว่าตัวเองจะได้ไปต่อทางการเมือง แถมยังผงาดเป็นนายกฯประเทศไทยสมัยที่ ๓ โอกาสมันมีแต่ถามว่ายากไหมก็บอกว่ายังอยากอยู่ แม้ยังโชคดีมีออปชั่นส.ว. ๒๕๐ คน มีมือสภาสูงยังช่วยโหวตนายกฯได้อีกปีครึ่ง
แต่บอกได้เลยว่าเส้นทางของบิ๊กตู่นับจากนี้คงไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก พูดให้เห็นภาพก็จะบอกว่า “ไปต่อยาก อยู่ต่อลำบาก” ไม่ได้แช่งสร.๑ ไม่ได้ด้อยด่านายกฯ แต่หนทางขี่หลังเสือตัวที่ ๓ รอบนี้คงไม่ง่ายเหมือนเก่าก่อน ครั้งแรกเป็นนายกฯง่ายเพราะเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติมาจากหัวหน้าคสช.บารมีล้นฟ้าอำนาจล้นมือ เสกสั่งอะไรได้หมด ครั้งที่ ๒ ได้กระแสผสมผลงานในเทอมแรกพลอยทำให้บิ๊กตู่แบกพรรคพลังประชารัฐเข้าที่หนึ่งฝ่ายพรรคขั้วรัฐบาล กวาดส.ส.ทั่วประเทศมาได้ถึง ๑๑๖ คน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นั่งเป็นสร.๑ ตามกระบวนการประชาธิปไตยแบบไม่ลำบาก เนื่องเพราะได้กติกาการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมีมาช่วย ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ พรรคเพื่อไทยถูกบล็อคทำให้ได้ส.ส.มาแค่ ๑๓๖ คน บิ๊กตู่จึงผงาดเป็นนายกฯสมัย ๒ แต่เป็นผู้นำสมัยแรกที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ใช้วิธีเอารถถังมาวิ่งบนถนนจนได้เป็นผู้นำเหมือนครั้งแรกปี ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา
๒ ครั้งแรกแค่เผาหลอก แต่ครั้งที่ ๓ นี้เผาจริง จะเป็นนายกฯสมัยหน้าของบิ๊กตู่ไม่มีทางง่าย นับตั้งแต่วันนี้เลย อ่านใจบิ๊กตู่หากยากลากรัฐบาลอยู่ให้ครบเทอม ค่อยไปยุบสภาใกล้ๆเลือกตั้งบอกเลยว่า “รากเลือด” ดูทรงแล้วเหนื่อยจริงๆ เพราะสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบ บรรยากาศ ไม่ได้เกื้อหนุนให้บิ๊กตู่ลากยาวไปถึงมี.ค.ปีหน้าได้แบบง่ายๆเลย ต้องลุ้นกันแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ในสภาตอนนี้ก็ง่อนแง่น สามวันดีสี่วันไข้ สภาล่มทุกอาทิตย์ส.ส.โดดประชุม พรรคร่วมรัฐบาลขัดแข้งขัดขากันเอง โดยเฉพาะประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ไขว้กันเรื่องกัญชาไม่มีจบ ฝ่ายค้านก็รอจังหวะเล่นเกมฉวยโอกาสทำสภาล่มดิสเครดิตรัฐบาลสร้างกระแสกดดันนายกฯ ปั่นปัญหาสภาไปไม่รอด ล่าสุดนายชวนถึงขนาดออกมาบอกว่าสภาเละตุ่มเป๊ะ เพราะคนที่รัฐบาลส่งมาคุมเกมอย่าง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ตอนนี้ก็เหมือนจะเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีแกนนำเบอร์ใหญ่ๆของรัฐบาลเข้ามาคุมเกมส์ในสภาเลย กฎหมายแต่ละตัวกว่าจะผ่านก็ต้องถูลู่ถูกังกันสุดฤทธิ์
ไม่ใช่แค่สภาที่เสียศูนย์ตัวรัฐบาลเรือแป๊ะก็เสียทรง นับถอยหลังปลายรัฐบาลทุกชุดก็เป็นเหมือนกันหมด ยิ่งมีข่าว ๓ ป. บูรพาพยัคฆ์ “ประวิตร-อนุพงษ์-ประยุทธ์” แตกกันแล้ว อำนาจต่างฝ่ายต่างก็แตกแยกออกจากกัน ไม่ประสานเป็นเนื้อเดียวไม่เล่นเพลงเดียวกัน พล.อ.ประวิตรคุมการเมืองดูแลกลเกมทั้งหมดในสภา พล.อ.อนุพงษ์คุมข้าราชการดูท้องถิ่นควบคุมผู้ว่าฯ ๗๖ จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ดูฝ่ายบริหารจัดการภาพรวมของประเทศ อดีต ๓ พี่น้องร้องเพลงเดียวกัน รัฐบาลเรือแป๊ะถึงโลดแล่นไม่ติดขัด แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป๋ ถามว่าวันนี้ ๓ ป.ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิมไหม คำตอบคือ “ ไม่” เพราะต่างคนรอเวลาต่างคนต่างไป ตามวิถีทางของตัวเอง ที่บิ๊กตู่ตั้งเป้าจะลากยาวอยู่ในตำแหน่งไปถึงเดือนมีนาฯปีหน้าแล้วค่อยยุบสภา เผลอๆอาจไปไม่ถึงเป้าหมายเวลาที่วางไว้เสียแล้ว
ถึงบอกว่าอยู่ต่อว่ายากแล้ว ไปต่อเดินหน้ายิ่งลำบากกว่า เบื้องหน้าแม้จะมีพรรครวมไทยสร้างชาติรออยู่ แต่บิ๊กตู่จะมั่นใจอย่างไรว่าพรรคน้องใหม่จะได้ส.ส.เกิน ๒๕ คน เผลอๆ อาจหล่นบันไดตั้งแต่ขั้นแรก ต่อให้มีเสียงส.ส.สนับสนุนเสนอชื่อลุ้นโหวตนายกฯได้ ถามว่าพรรคใหม่ของพีระพันธุ์จะได้ส.ส.มาเท่าไหร่กัน ๓๕-๔๐ คนก็เก่งแล้ว แต่ให้กระแสดียังไงก็สู้พรรคเสี่ยหนูภูมิใจไทยไม่ได้หรอก เพราะเบื้องต้นคร่าวๆน่าจะได้ราว ๘๐ คนขึ้นไป ไหนจะพรรคสีฟ้าประชาธิปัตย์อย่างต่ำๆก็มี ๕๐-๖๐ คน เต็มที่พรรคบิ๊กตู่ก็ที่ ๓ เผลอๆ อาจจะต่ำกว่าพรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมด้วยซ้ำ เป็นพรรคเล็กได้ส.ส.มาลำดับ ๓ ลำดับ ๔ บิ๊กตู่จะไปยืนสง่างามเป็นนายกฯได้อย่างไร จะใช้สูตรนายกฯน้อยเสียงเหมือนสมัย “ซือแป๋ซอยสวนพลู”ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่พาส.ส.๑๘ คนของพรรคกิจสังคมเป็นนายกฯ บิ๊กตู่จะรับมือไหวหรือ ต้องถูกพรรคสีน้ำเงินสายเขียว ถูกพรรคสีฟ้า ถูกพรรคป่ารอยต่อ บีบคอไปตลอดตอนเป็นนายกฯ บิ๊กตู่จะรับได้หรือ ล่าสุดอนุทินก็ออกมาประกาศไม่ใช่ทายาทนายกฯใคร ขอเป็นสร.๑ ขึ้นนายกฯด้วยตัวเอง อนาคตจะคุยจะคุมกันได้หรือ ถ้าภูมิใจไทยมาที่ ๑ แข็งเป้งอย่างเนวินไม่มียอมให้ใครมาหยิบชิ้นปลามัน สร้างเกียรติภูมิไว้มากมายสุดท้ายมาตายตอนจบ ๒ ปีที่เหลืออาจจะมากพอสำหรับบิ๊กตู่ในการบริหารประเทศ สร้างประวัติศาตร์เป็นสร.สมัย ๓ ทำแฮตทริคเป็นนายกฯนาน ๑๒ ปี แต่ต้องแลกมาด้วยการควักต้นทุนในอดีต เอาชื่อเสียง เกียรติภูมิ ผลงานในอดีตชิ้นโบว์แดงระดับพรีเมี่ยมกว่า ๑๐ ปี มาแลกมาเสี่ยงกับ ๒ ปีเพื่อต่อยอดให้ได้ไปต่อหรือ อดีตยุคอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ก็มีให้เห็น สมัยนายกฯ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ ยุค “มังกรสุพรรณ” บรรหาร ศิลปอาชา เรื่อยมาจนถึงยุค “เอดะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีให้เห็นว่านายกฯถูกพรรคร่วมที่ถือแต้มต่อทางการเมือง โขกสับ รุมทึ้ง รุมโทรมยังไง เป็นนายกฯได้แต่ร่างกายเขียวช้ำเป็นจ้ำด่างพร้อยไปหมด จบภารกิจก็กลับบ้านแบบสะบักสะบอมหมอไม่รับเย็บ ถ้าท่านมั่นใจพร้อมไปต่อก็เดินหน้ายุบสภาหาเสียงได้เลย
//////////////////////////