“บิ๊กโจ๊ก” ยันคดี “ตู้ห่าว” รัดกุมแน่นหนาขอ ”ชูวิทย์” อย่าวิตก

"บิ๊กโจ๊ก" ยันคดี “ตู้ห่าว” รัดกุมแน่นหนาขอ ”ชูวิทย์” อย่าวิตก

กรณี เมื่อวันที่ 9 ธงค. ที่ผ่านม นายชูวิทย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า ตำรวจทำคดี “ตู้ห่าว” ตั้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ไร้ข้อหา “ฟอกเงิน” ทั้งที่ยาเสพติดเป็น “ความผิดมูลฐาน” ของการฟอกเงินโดยอัตโนมัติ โดยระบุว่า ได้รับการท้วงติงจากอัยการอาวุโส ที่สนิทสนมคุ้นเคยว่า หากตำรวจ จะแจ้งดำเนินคดีข้อหายาเสพติดเพียงข้อหาเดียว เชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีน่าจะไม่สามารถเอาผิดนายทุนจีนสีเทารายนี้หลุดคดีและและย้อนกลับมาเอาเรื่องผู้เกี่ยวข้องคล้ายกับคดีทัวร์ศูนย์เหรียญที่ โดยอยากให้ผลักดันเป็นคดีระหว่างประเทสเพื่อให้อัยการสูงสุดเป็นคณะนำทีมสอบ สวนในการทำคดีนี้ เพราะการที่ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินจะทำให้การยึดอายัดทรัพย์เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่เมื่อถึงชั้นศาลฎีกาอาจมีการยกฟ้องได้

ข่าวที่น่าสนใจ

วันนี้ ( 10 ธ.ค.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นเพราะนายชูวิทย์ เป็นห่วงเพราะได้นำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาให้และกลัวตำรวจทำสำนวนไม่แน่นหากสรุปสำนวนแล้วอัยการหรือศาลยกฟ้องได้ และเข้าใจว่า สน.ยานนาวา ไม่มีความชำนาญในการทำสำนวนคดีพอ แต่ยืนยันว่าคดีนี้เป็นคดีใหญ่ และ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีทั้งตนเองและตำรวจนครบาล มีการระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีจากทั่วประเทศ รวมถึงมีอธิบดีอัยการคดียาเสพติด ป.ป.ส.และปปง.มาร่วมทำงานด้วย จึงขอให้นายชูวิทย์ มั่นใจว่าตำรวจทำคดีนี้อย่างรอบคอบรัดกุม และหากคดีนี้ตนทำไม่ดี คนที่เสียหายนอกจากตนเองแล้ว ประชาชนก็จะไม่ศรัทธาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ขออย่ากังวลใจ

พล.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า สำหรับคดีมูลฐานฟอกเงินที่นายชูวิทย์ เป็นห่วงนั้น จะต้องมีการดำเนินคดีข้อหานี้อยู่แล้ว แต่ต้องเป้นไปตามขั้นตอน โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ตำรวจต้องทำบัญชีส่ง ป.ป.ส.และปปง.จากนั้นต้องนำเข้าคณะกรรมการธุรกรรมในการยึดอายัดทรัพย์ ก่อนที่จะเข้าสู่การดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินได้ ทั้งนี้นายชูวิทย์ เป็นประชาชนที่แจ้งเบาะแสได้ดีเพราะข้อมูลเบาะแสหลายๆ อย่างตรงกันกับที่ตำรวจมี ตอนนี้ตำรวจยังเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนอยู่ แต่หากมีการสืบสวนพบว่ามีการโอนเงินไปต่างประเทศจะเข้าความผิดนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดถึงจะเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน

“ดังนั้นมองว่าสิ่งที่นายชูวิทย์ พูดอาจจะเป็นการพูดล่วงหน้าไป ยืนยันว่าหลักฐานเดินไปถึงตรงไหนจะต้องดำเนินการตามนั้นแต่ว่าตอนนี้ยังอยู่ในกรอบระยะเวลาและสัดส่วนที่เราทำอย่างรัดกุมอยู่แล้ว และต้องเร่งรัดเพราะพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนมากกว่า 60-70 คน ที่มาทำคดีนี้มีจำนวนมากและต้องไปทำคดีอื่นไม่อย่างนั้นก็จะทำให้คดีอื่นล่าช้าไปด้วย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สรรเพชญ" จี้รัฐเร่งแก้หนี้ครัวเรือน ชี้แนวปฏิบัติยังล่าช้า ควรปรับนโยบายให้ชัดได้ผลเป็นรูปธรรม
"ตร.ไซเบอร์" รวบบัญชีม้าแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ลวงนักเตะทีมชาติสูญ 2.7 ล้าน
ผบ.ทร.ร่วมโต๊ะทานอาหารกับนักเรียนจ่า เน้นย้ำ ปกครองเที่ยงธรรม ปลูกฝังรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
รวมพลคนสายบุญ ร่วมกับ สบายดีช่อผกาอินเตอร์กรุ๊ป จัดกิจกรรมปันรอยยิ้มให้น้อง ปี 3
"สาวอบต.บุรีรัมย์" ช็อก ตร.ตามตัวถึงบ้าน ปมรับเงินโอน "เจ๊อ้อย" 39 ล้าน แจงยิบไม่รู้จักมาก่อน
ตำรวจนำตัว "เต้ย" มือตบ "ทนายธรรมราช" ฝากขัง ยันไม่มีคนจ้างแค่บันดาลโทสะ
"พิชัย" นำทีมพณ.หารือ "หอการค้า-บริษัทธุรกิจญี่ปุ่น" ชี้ชวนขยายลงทุนในไทย
"ทนายเดชา" เตือนนักร้องเรียน ระมัดระวังปาก ร้องเรื่องไม่มีสาระ กลั่นแกล้งคนอื่น จนเป็นเหตุให้ถูกทำร้าย
กทม.จ่อบังคับฝังชิป "สุนัข-แมว" ห้ามเลี้ยงเกินจำนวนที่กำหนด พร้อมคุมสุนัขพันธุ์ดุเป็นพิเศษ
"ดร.ศักดิ์ณรงค์" จี้รบ.ต้องยกเลิก MOU 44 โดยเร็ว หวั่นเสียอาณาเขตอธิปไตย ซ้ำรอยประวัติศาสตร์เขาพระวิหาร

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น