นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” โดยมีเนื้อหาใจความว่า
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะรับคนไข้เข้านอนในโรงพยาบาล ทุกคนไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม จะได้รับการตรวจว่า ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และตรวจซ้ำภายใน 72 ชั่วโมงหลังเข้านอนในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล
มีการศึกษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในเมืองบอสตัน ระหว่างเดือนกันยายน 2020-เมษายน 2021 โรงพยาบาลนี้มีเตียงทั้งหมด 803 เตียง 28% เป็นห้องคู่ มีคนไข้เข้านอนในห้องคู่ทั้งหมด 11,290 คน คนที่เข้านอนในห้องคู่ ต้องไม่มีอาการของโรคโควิด ในจำนวนนี้ 25 คน ตรวจวันแรกให้ผลลบ ตรวจซ้ำใน 3 วัน ให้ผลบวก หมายความว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนอกโรงพยาบาล
มีคนไข้ที่นอนในห้องคู่กับผู้ติดเชื้อ
ทั้งหมด 31 คน อายุเฉลี่ย 64 ปี ปรากฏว่า 12 จาก 31 คน ติดเชื้อจากคนไข้ที่นอนในห้องเดียวกัน คิดเป็น 39 % ส่วนใหญ่ติดเชื้อภายใน 5 วัน
ความเสี่ยงในการติดเชื้อ สัมพันธ์กับปริมาณเชื้อไวรัสโควิด-19 (cycle threshold value < 21) ของคนแพร่เชื้อ เชื้อยิ่งมาก โอกาสแพร่เชื้อยิ่งมาก เวลานอนในห้องเดียวกัน ทั้งคนแพร่เชื้อและคนรับเชื้อไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย เตียงห่างกันประมาณ 2 เมตร มีผ้าม่านกั้นระหว่างเตียงตลอดเวลา คนที่รับเชื้อไม่ได้สัมผัสตัว ไม่ได้พูดคุย หรือใกล้ชิดกับคนที่แพร่เชื้อ แต่ใช้ห้องน้ำเดียวกัน มีการทำความสะอาดพื้นผิวพื้นที่ในห้องผู้ป่วยทุกวัน การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า เชื้อโควิดแพร่กระจายทางอากาศ โดยเชื้อโรคออกมากับลมหายใจของคนแพร่เชื้อ แล้วคนรับเชื้อ หายใจเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้เกิดจากหายใจหยดละอองขนาดใหญ่จากการอยู่ใกล้ชิดในระยะ 1-2 เมตร หรือติดทางการสัมผัสกับคนที่แพร่เชื้อ
ช่วงที่ทำการศึกษา ยังไม่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ถ้าเป็นสายพันธุ์เดลต้า เปอร์เซ็นต์ของคนติดเชื้อ คงมากกว่า 39% แน่นอน เชื้อสายพันธุ์เดลต้า ติดต่อกันได้ง่ายมาก เนื่องจาก ปริมาณเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ในทางเดินหายใจมากกว่าสายพันธุ์เดิม 1,000 เท่า
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดทำได้ยาก ขนาดโรงพยาบาลนี้ มีการคัดกรองก่อนจะอนุญาตให้เข้านอนในห้องคู่ วันแรกต้องไม่มีอาการ และตรวจแยงจมูกโควิดต้องมีผลลบ ยังพบว่า หลังจากนั้น 3 วัน ตรวจโควิดซ้ำเปลี่ยนเป็นบวก ทำให้คนที่นอนห้องเดียวกัน ร้อยละ 39 ติดเชื้อแม้จะเว้นระยะห่าง ไม่กินอาหารร่วมกัน ไม่อยู่ใกล้ชิดกัน เพียงแต่นอนในห้องเดียวกัน หายใจอากาศในห้องเดียวกัน โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย
การระบาดในประเทศไทยรอบนี้ ติดกันในบ้านครัวเรือนเดียวกันมากที่สุด ทำให้การล็อกดาวน์ได้ผลน้อย การป้องกันการติดเชื้อในบ้านเดียวกันเป็นเรื่องยากมาก ๆ สมาชิกในบ้านสามารถติดเชื้อนอกบ้าน และนำเชื้อเข้าบ้าน ถึงแม้ ไม่มีอาการ ยิ่งเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลต้าติดเกือบยกครัวเรือน ถึงเวลาแล้วที่คนในบ้าน คงต้องใส่หน้ากากอนามัยเหมือนเวลาออกนอกบ้าน เริ่มจากคนที่ออกนอกบ้านทุกวัน เช่น คนที่ต้องออกไปทำงานข้างนอก คนที่ไปจับจ่ายซื้อของ ซื้ออาหาร ไปทำธุระธนาคาร ไปรษณีย์ ควรล้างมือด้วยสบู่ หรือ แอลกอฮอล์เจล ก่อน และทันทีที่เข้าบ้าน ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ระหว่างอยู่ในบ้าน เผื่อเป็นโรคโควิดจะได้ไม่แพร่เชื้อให้คนในบ้านที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย