วันที่ 11 ธ.ค. 65 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประกาศนโยบายที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแต่ละครั้งส่งผลทั้งด้านบวก ด้านลบ หลายมิติ การขึ้นค่าแรงย่อมเป็นสิ่งที่ผู้ใช้แรงงานต้องการเป็นพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการมักจะมีความเห็นไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้แรงงาน โดยทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ กำหนดโดยคณะกรรมการค่าจ้างที่มี 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง การคิดค่าจ้างขั้นต่ำจะดูจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อเป็นหลัก โดยอาจพิจารณาเพิ่มเติมด้วยอัตราสมทบของแรงงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี หลักคิดของการขึ้นค่าแรง ควรจะพิจารณาจากรายได้ที่เพียงพอต่อการดูแลครอบครัวคือรวมคู่สมรสและบุตรอีก 1-2 คน จึงจะถือว่าคำนึงถึงการมีชีวิตที่พออยู่ได้ของแรงงานอันเป็นเป้าหมายหลักของหลักคิด “ค่าจ้างเพื่อชีวิต”
"องอาจ คล้ามไพบูลย์" ชี้การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต้องอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง พัฒนาศักยภาพผู้ใช้แรงงานทุกระดับ และปราบทุจริตคอร์รัปชั่น
ข่าวที่น่าสนใจ
นายองอาจ กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ควรอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ คือ 1. ต้องบริหารราชการให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ มีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ต้องพัฒนาศักยภาพของผู้ใช้แรงงานทุกระดับอย่างจริงจัง โดยเน้นพัฒนาทักษะที่ผู้ประกอบการต้องการโดยเฉพาะการทำหน้าที่ที่ใช้ฝีมือ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยทุกประเภท
3. ต้องขจัดการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง เพื่อทำให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบการเอกชน ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ จ่ายค่าหัวคิว หักเปอร์เซ็นต์ จะได้นำเงินจากการจ่ายใต้โต๊ะมาจ่ายเป็นค่าแรงงานเพิ่มขึ้นได้ การดำเนินการบนพื้นฐาน 3 ประการนี้ หากทำให้เกิดผลสำเร็จได้เท่าไหร่ก็จะทำให้เราสามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ผู้ใช้แรงงานได้เพิ่มมากขึ้น อันเป็นเป้าหมายของทุกพรรคการเมืองที่อยากเห็นแรงงานไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง