ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกทีแต่ละพรรคการเมืองก็ได้ฤกษ์เปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัครของแต่ละพรรคตามความถนัดและเหมาะสมของแต่ละพรรค ก่อนหน้านี้ใครตามการเมืองก็คงคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กลายเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่มาแรง แต่ภายหลังจากที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกลูกยึกยักไม่ยอมเปิดตัวกับพรรคน้องใหม่เสียที แถมล่าสุดยังออกมาให้สัมภาษณ์แปร่งๆคล้ายกับไม่อยากย้ายไปพรรคใหม่ แต่ยังอาลัยอาวรณ์กับพรรคเก่าอย่างพลังประชารัฐต่อ เพราะประกาศตัวออกมาว่ายังเป็นนายกฯที่มาจากการสนับสนุนของพรรคพลังประชารัฐ การออกอาการเก้ๆกังๆ ไม่ไปทางไหนสักทางของบิ๊กตู่นี้แหละที่พลอยทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติไม่พุ่งไม่แรงอย่างที่คิด เพราะส.ส.ที่จะย้ายตามนายกฯก็เกิดความลังเลไม่กล้าที่จะออกไม่กล้าที่จะย้ายพรรคตามไป เพราะอ่านใจนายกฯไม่ออกเดาใจบิ๊กตู่ไม่ถูกว่าจะเอายังไง ที่สุดพรรครวมไทยสร้างชาติเลยไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด
แต่พรรคที่มาแรงสุดและแรงมาตลอดของจริงก็คือ พรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กับ “ครูใหญ่เน” เนวิน ชิดชอบ แม้ในโพลล์สำนักต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมาพรรคภูมิใจไทยคะแนนจะไม่พุ่งไม่ได้เป็นพรรคอันดับ ๑-๔ ในการสำรวจที่ผ่านมา แต่ในวงการทุกพรรครู้ดีว่าพรรคบุรีรัมย์แลนด์ เจ้านี้แหละตัวจริงเสียงจริง พร้อมที่จะสร้างเซอร์ไพรส์เป็นพรรคอันดับ ๑ ในขั้วพรรครัฐบาลเก่า เตรียมขึ้นมาเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคพลังประชารัฐที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ถ้าจำกันได้เสี่ยหนูเคยประกาศว่าพรรคภูมิใจไทย พร้อมเป็น “ต้นขั้ว” จัดตั้งรัฐบาลหน้า งานนี้ต้องบอกว่าไม่เกินเลยจากที่เสี่ยหนูประกาศไว้จริงๆ เพราะล่าสุดพรรคภูมิใจไทย เตรียมเกทัพบลัฟแหลกพรรคการเมืองอื่นๆ โดยจะถือฤกษ์วันที่ ๑๖ ธ.ค. เปิดสำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร บนถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งปรับปรุงใหม่มานาน ๘ เดือนตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เอาฤกษ์เอาชัยในการเลือกตั้งคราวหน้า
โดยงานนี้เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคที่จะมาร่วมสู้ศึกในการเลือกตั้งคราวหน้า ข่าวว่าจำนวนเฉียดครึ่งร้อยที่ย้ายพรรคมาอยู่ด้วย โดยมีไฮไลต์ที่สำคัญคือการเปิดตัว ๓๗ ส.ส.จาก ๙ พรรคที่จะมาอยู่กับมุ้งภูมิใจไทยในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า แบ่งเป็นจาก๑.พรรคพลังประชารัฐ ๑๔ คน ได้แก่ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. , นายกษิดิ์เดชชุติมันต์ ส.ส.กทม., น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม., นายมณเฑียร สงฆ์ประชาส.ส.ชัยนาท , นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ , นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ส.ส.นครปฐม , นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี , นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี , นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก , นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี , นายสมเกียรติ วอนเพียร ส.ส.กาญจนบุรี ,นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี , นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี , พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ส.ส.กาญจนบุรี ๒.พรรคเพื่อไทย (พท.) ๑๐ คน ได้แก่ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ , นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ , นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส.ศรีสะเกษ , นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. , นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ ส.ส.เชียงราย , นายนิยมช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก ,นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี , นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก ,นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา , นายนพ ชีวานันท์ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ๓.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จำนวน ๕ คน ได้แก่ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี , นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย , นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย ,นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๔.พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) จำนวน ๓ คน ได้แก่ นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก , นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี , นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ ๕.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จำนวน ๑ คน ได้แก่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัยส.ส.อุบลราชธานี ๖.พรรคเพื่อชาติ จำนวน ๑ คน ได้แก่ นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๗. พรรคประชาภิวัฒน์ จำนวน ๑ คน ได้แก่ น.ส.นันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๘. พรรคชาติพัฒนา จำนวน ๑ คน ได้แก่ นายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร และ ๙. พรรครวมพลัง จำนวน 1 คน ได้แก่ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นอกเหนือจากนี้ข่าวว่ายังมีส.ส.อีก ๕-๖ คน กำลังเคลียร์กับพรรคเก่าเพื่อร่วมเปิดตัวกับพรรคสีน้ำเงินสายเขียว ถ้าทันก็จะมาเปิดตัวด้วย แต่ถ้าไม่ทันเคลียร์ไม่ได้ก็จะขอไปเปิดตัวหลังปีหน้าค่อยว่ากันอีกที
ทำเป็นเล่นไปพรรคภูมิใจไทยที่หลายคนเคยคิดว่าจะได้ส.ส.ในการเลือกตั้งคราวหน้า ๗๐ ถึง ๘๐ คน แต่ถ้าต้อนส.ส.มาได้เกือบครึ่งร้อยแบบนี้ เลือกตั้งหนหน้าเป้าหมาย ๑๐๐ คนผู้แทนก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ไกลเกินเอื้อม อย่าลืมว่าพรรคภูมิใจไทยชั่วโมงนี้ได้ยกระดับของตัวเองขึ้นมาเป็นพรรคคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยแบบเต็มตัวแล้ว อาจไม่ใช่พรรคที่ได้อันดับ ๑ กวาดส.ส.แลนด์สไลด์แบบพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ส.ส.มาเกินร้อย เท่านี้ก็สั่นสะเทือนพรรคเพื่อไทยได้แน่นอน เพราะในขั้วพรรคฝ่ายรัฐบาลยังมีพรรคขนาดกลางอย่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคใหม่อย่างรวมไทยสร้างชาติที่พร้อมจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลไว้อยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายต้องรวมกันให้ได้ส.ส.เกิน ๒๕๐ คน เพราะฉะนั้นชั่วโมงนี้ห้ามประมาทพรรคภูมิใจไทยเด็ดขาด เพราะมีความพร้อมทุกขุมกำลังแข็งแกร่งทุกด้าน ไล่ตั้งแต่ หัวหน้าพรรคอย่างเสี่ยหนูก็เด่น ที่ปรึกษาอย่างเนวินก็โคตรดี ผลงานพรรคภูมิใจไทยก็มีเพียบ ว่าที่ผู้สมัครก็แข็งผู้แทนเก่าก็บานเบอะ กระแสพรรคก็กำลังมาแรง กระสุนดินดำก็มีเพียบพร้อมสู้ทุกเขตทุกจังหวัด ฯลฯ อย่าได้แปลกใจหากพรรคภูมิใจไทยจะกลายเป็นพรรคการเมืองเนื้อหอมมาแรงที่สุดในการเลือกตั้งคราวนี้ และเสี่ยหนูอนุทินที่ประกาศว่าไม่ได้เป็นทายาทการเมืองของใคร หากจะเป็นนายกฯขึ้นชั้นสร.๑ คั่วเก้าอี้ผู้นำประเทศในการเลือกตั้งสมันหน้าก็มาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะเป็นทายาทใคร และไม่ใช่เรื่องโม้ราคาคุยที่เป็นไปไม่ได้ วัดจากปฏิกริยาที่แกนนำพรรคเพื่อไทยออกมาเต้นเป็นเจ้าเข้า หัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ส.ส.ตัวเองถูกดูดก็พอจะเดาออกได้ว่าเป็นเดือดเป็นแค้นที่หลายคนหนีจากคอกเพื่อไทยย้ายจากขั้วนายใหญ่พรรคนายหญิงไปอยู่กับคู่แข่ง
อย่าลืมว่าเที่ยวหน้าพื้นที่อีสาน ๒๐ จังหวัด ที่เป็นตัวชี้ขาดว่าใครชนะเลือกตั้งคนนั้นจะได้เป็นรัฐบาล จะได้เพิ่มจาก ๑๑๖ ที่นั่ง มาเป็น ๑๓๒ ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทยประกาศจะกวาดอีสานใต้ทั้ง ๕ จังหวัดคือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ขอเหมา ๕๔ เก้าอี้มาไว้ในครอบครอง จากนี้ที่ต้องจับตาดูว่า ๓๗ ส.ส.ที่มาซบไออุ่นเสี่ยหนู ซุกปีกครูใหญ่เนจะทำให้พรรคภูมิใจไทยผงาดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับ ๑ ในฝั่งรัฐบาลตามเป้าหมายของพรรคหรือไม่ อย่าลืมว่าในจำนวน ๓๗ คนที่มาใหม่หลายคนก็เป็นส.ส.เขตที่ผลการเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ ๒๔ มี.ค.๒๕๖๒ ชนะการเลือกตั้งมาแบบขาดลอยด้วยคะแนนทิ้งห่าง ๑-๒ หมื่นคะแนน แต่หลายคนก็ชนะการเลือกตั้งมาแบบฉิ่วเฉียดเฉือนคู่แข่งแค่หลักร้อย นอกจากนี้ในจำนวนดังกล่าวก็มีหลายคนที่เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อซึ่งไม่รู้ว่ามาพรรคใหม่จะอยู่ที่เท่าไหร่จะได้เป็นส.ส.หรือไม่ เพราะฉะนั้นที่ยกพวงมาทั้งหมด ๓๗ คนจาก ๙ พรรคการเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะการันตีว่าจะชนะการเลือกตั้งได้กลับมาเป็นส.ส.ทั้งหมด บ่อยครั้งปริมาณก็ไม่ได้สะท้อนคุณภาพ เพราะฉะนั้นต้องจับตาดูว่าหลังจากนี้จะมีส.ส.พรรคไหนมีผู้แทนคนใดย้ายเข้ามาซุกปีกพรรคภูมิใจไทยอีก และอนาคตเป้าหมายที่เนวินเคยประกาศไว้ตอนจัดงานวันคล้ายวันเกิดครบ ๖๔ ปี เมื่อ ๔ ต.ค.ที่ผ่านมาว่าเลือกตั้งคราวหน้าจะกวาดส.ส. ๑๒๐ คนจะทำได้ตามเป้าหรือไม่ และความฝันที่เนวินเคยพูดว่าจะส่งลูกศิษย์ขึ้นเป็นนายกฯให้ได้สักคนจะทำได้สำเร็จหรือไม่ และคนๆนั้นจะเป็นเสี่ยหนูอนุทินหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนปัจจุบันไหม
////////////////////