สืบเนื่องจากการที่ศาลปกครอง มีคำวินิจฉัยยกคำร้องของสภาองค์กรของผู้บริโภค กับพวกรวม 5 คน ในการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาใน 4 ประเด็นหลัก ซึ่งอาจมีผลทำให้การรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ต้องชะลอไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษา
โดยชี้่ว่าอำนาจการมีมติของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อรับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC โดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ไม่มีเหตุจะรับฟังได้ว่ามติดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง และเมื่อได้วินิจฉัยเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีก เนื่องจากไม่มีผลทำให้คำสั่งเปลี่ยนแปลงไป จึงมีคำสั่งยกคำขอ ส่งผลให้แผนการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปตามกรอบเวลา
ล่าสุดวันนี้ (13 ธ.ค.65) ปรากฏว่าในการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างวันราคาหุ้น TRUE ปรับขึ้นสูงสุดที่ 4.78 บาท โดยปิดตลาดอยู่ที่ 4.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ +2.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 407.93 ล้านบาท
ส่วนหุ้น DTAC ระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุดที่ 43.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดอยู่ที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +3.61% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 459.59 ล้านบาท
ทางด้านความคิดเห็นของ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี เห็นว่า นักลงทุนคลายกังวลในเรื่องดีลควบรวม TRUE – DTAC จากคำวินิจฉัยยกคำร้องสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ให้ขอคุ้มครองชั่วคราว กรณีการรวมธุรกิจของ DTAC และ TRUE เพราะ กสทช. ไม่ได้กระทำผิดเกี่ยวกับดีลการควบรวมกิจการ และการมีมติรับทราบการรวมธุรกิจ แทนการพิจารณาอนุญาตหรือไม่ ถือเป็นการกระทำตามกฎระเบียบ จึงมั่นใจในขั้นตอนทางกฎหมายเรื่องการควบรวมธุรกิจจะจบลงในทางบวก รวมถึง TRUE – DTAC มั่นใจว่าดีลต่าง ๆ น่าจะได้ข้อสรุปภายใน ไตรมาส 1 ของปี 2566