“สมาคมทนายความฯ” จวกรฟม.ไม่โปร่งใสจี้นายกฯ รื้อประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม

"สมาคมทนายความฯ" จวกรฟม.ไม่โปร่งใสจี้นายกฯ รื้อประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม

จากกรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกแถลงการณ์พร้อมเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตามผลการประมูลครั้งที่ 2 โดยยืนยันกระบวนการต่าง ๆ เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้แสดงความเห็นผ่านเป็นแถลงการณ์ ระบุใจความสำคัญว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงปาฐกถาที่สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 เนื่องในโอกาสวันต่อต้านการทุจริตสากลทำนองว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่ปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชันในรัฐบาล ขอให้คนไทยทุกคนที่ทราบช่วยกันชี้เบาะแส นั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน น่าจะมีความไม่ชอบและไม่โปร่งใส ดังนี้

1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร มีการศึกษาโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ.2555 ครม. เห็นชอบแล้ว มีการทำ TOR โดย รฟม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีการประกาศเชิญชวนครั้งแรกในปี พ.ศ.2563 แต่หลังจากการจำหน่ายซองยื่นข้อเสนอแล้ว การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนผู้ร่วมโครงการ ทำให้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ต่อมา ศาลมีคำพิพากษาว่า “…การแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย…”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2. แทนที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกลางให้ถูกต้อง รฟม. กลับใช้วิธีเลี่ยงบาลี ด้วยการยกเลิกการประกาศเชิญชวนดังกล่าว (ล้มประมูล) และประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนใหม่ ด้วยการกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมลงทุนใหม่เอื้อแก่ผู้ประกอบการบางราย เป็นผลให้มีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีคุณสมบัติตามประกาศเชิญชวนและเป็นผู้ชนะการเสนอราคา

3. ตามประกาศเชิญชวนครั้งแรก หาก BTS เป็นผู้ชนะการประกวดราคาโดยมีข้อเสนอให้รัฐช่วยอุดหนุน จำนวน 9,675 ล้านบาท แต่การยกเลิกประกาศทำให้ต้องประกาศเชิญชวนครั้งใหม่ เป็นผลให้มีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่มีคุณสมบัติทำให้รัฐต้องอุดหนุนถึง 78,288 ล้านบาท หรือเป็นภาระแก่รัฐเพิ่มสูงถึง 68,613 ล้านบาท ทั้งที่มีเนื้องานเท่ากันกับการประกาศเชิญชวนครั้งแรกทุกประการ

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า การกระทำของ รฟม. และเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ได้สร้างความเสียหายให้กับรัฐโดยไม่มีเหตุอันควร อีกทั้งยังไม่สามารถตอบคำถามต่อสังคมได้ว่า เหตุใดจึงต้องกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ จนทำให้มีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่ชนะการประกวดราคาครั้งใหม่ และเหตุใดระยะเวลาต่างกันเพียง 2 ปี จึงทำให้การดำเนินโครงการเดียวกันที่มีเนื้องานเท่ากัน ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มสูงถึง 68,613 ล้านบาท

 

 

ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง ก็ควรดำเนินการให้มีการยกเลิกการประกาศเชิญชวนครั้งที่สอง และให้มีการประกาศเชิญชวนใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์และกติกาการแข่งขันอย่างเป็นธรรมโดยไม่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใด ซึ่งสามารถกระทำได้โดยชอบเพราะเป็นการปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติอันเป็นประโยชน์สาธารณะ

ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีไม่โกง แต่ถ้ารู้แล้วยังปล่อยปละละเลยให้เกิดการ กระทำดังกล่าวและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป กฎหมายถือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำหรือเป็นตัวการร่วมกันที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเช่นกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น