วันที่30 ก.ค. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามอบให้แก่ประเทศไทย
ทั้งนี้ การขนส่งวัคซีนไฟเซอร์ได้มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 4.30 น. ด้วยสายการบิน AeroLogic เที่ยวบิน 3S530 ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิ -70 ถึง -90 องศาเซลเซียส เพื่อคงประสิทธิภาพของวัคซีน และดำเนินการตามขั้นตอนก่อนกระจายไปตามแผนที่วางไว้ต่อไป
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานการมาถึงของวัคซีนไฟเซอร์แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณในไมตรีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีต่อประเทศไทยเสมอมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดนี้ และนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าการกระจายวัคซีนจะต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนด เน้นการฉีดแก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น จะต้องไม่มีกรณีจัดสรรไปยังบุคคลสำคัญ หรือนอกกลุ่มที่กำหนดไว้เป็นอันขาด
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่คณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 กำหนดว่าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก 1.54 ล้านโดส ประกอบด้วย
1)บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) 700,000 โดส
2)ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย 645,000 โดส
3)ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา 150,000 โดส
4)ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส และ 5)สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส