วันที่ 20 ธ.ค. 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิด เผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนของกระทรวงแรงงาน คือมาตรการลดค่าครองชีพให้กับผู้ประกันตน มาตรา 33 ซึ่งกองทุนประกันสังคมมีเม็ดเงินถึง 30,000 ล้านบาท จึงออกมาตรการรีไฟแนนซ์ให้กับผู้ใช้แรงงานตามมาตรา 33 โดย ผู้ใช้แรงงานที่มีบ้านราคาไม่ถึง 2,000,000 บาท สามารถไปรีไฟแนนซ์ได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งรับพิจารณาทุกธนาคาร โดยคิดในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ จากเดิมทั่วไปที่คิดอัตราร้อยละ6 แต่ธอส. ลดเหลือร้อยละ 1.99 ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกันตนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยลง และจะดำเนินมาตรการดังกล่าวในเฟสต่อไปด้วย นอกจากนี้ ผู้ประกันตนยังจะได้รับการตรวจรักษาโรคฟรีในสถานประกอบการ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ หลอดเลือดหัวใจ หรือโรคที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยเป็นการทำงานเชิงรุกให้สถานพยาบาลเข้าไปตรวจในสถานประกอบการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ข่าวที่น่าสนใจ
นายสุชาติ มองว่าการให้ของขวัญประชาชน ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีของรัฐบาล และแต่ละปีก็แตกต่างกันไป
แต่ละกระทรวงก็หาวิธีมอบของขวัญให้กับประชาชนแตกต่างกันไปเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ หากมองเป็นเรื่องการเมืองส่วนตัวมองว่า ไม่เหมาะสม อยากให้มองในส่วนการมอบความรักความใส่ใจให้กัน จะเป็นสิ่งที่น่ารักมากกว่า จึงขออย่ามองทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมืองไปหมด ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองในวันนี้การเมืองก็ควรที่จะเดินไปแต่การบริหารส่วนราชการของรัฐบาลก็ทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ สุดท้ายการเมืองจะมีการเลือกตั้งวันใด ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน จะแยกแยะได้ว่าเลือกตั้งใครไปแล้วใครเป็นคนทำจริงทำให้มีความสุขแก้ปัญหาสถานการณ์วิกฤตได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่น รัฐบาลชุดนี้แก้ปัญหาโควิดได้เป็นที่ยอมรับในอันดับต้นๆ ของโลก รวมถึงทำให้ลูกจ้างมีรายได้ที่ดีขึ้น จึงอยากสะท้อนว่าการเล่นการเมือง จะต้องมองถึงภาคเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจริงอย่าเล่นเฟสนิวหรือปล่อยข่าวปลอมจนด้อยค่าประเทศของตัวเองสิ่งไหนที่ดีอยากให้ทุกคนชื่นชมประเทศไทยสิ่งไหนที่ไม่ดีรัฐบาลก็ยอมรับ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไม่ยอมอยู่กับที่ ส่วนตัวเห็นว่าการเมืองในช่วงปีใหม่แล้วต้องมีการปรับปรุงแนวคิดอุดมคติอุดมการณ์ การจะเป็นนักการเมืองที่ดีจะต้องเป็นเยาวชนรุ่นหลังด้วย เพื่อเยาวชนจะได้มาทำงานการเมืองต่อไปแต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่ตอบโต้กันไปมาให้ข่าวปลอมก็เป็นสิ่งที่เยาวชนเบื่อหน่าย ประเทศชาติก็ย่ำอยู่กับที่ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีมีความตั้งใจว่าของขวัญจากใจอยากเห็นนักการเมืองทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทำงานด้วยความรับผิดชอบและใส่ใจประชาชนส่วนตนเองในวันเลือกตั้งครั้งหน้าแม้จะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้แต่ขอว่าใครอยู่ฝ่ายบริหารหรือมีอำนาจหน้าที่อยากให้มีจิตสำนึกในการรับใช้ประชาชนเท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาเรื่องการสังกัดพรรคใหม่ นายสุชาติ ยืนยันว่าไม่ได้ไปคุยกับใครเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาตนป่วย ขอให้การเมืองพูดในหลักความเป็นจริงเป็นลูกผู้ชายว่า เอาเรื่องคนอื่นที่ไม่จริงไปพูดควรต้องละอายใจบ้าง พร้อมตำหนิสื่อบางช่องที่ไม่ใช้ข้อเท็จจริงนำเสนอข่าว เปรียบเป็นเหมือนกบในกะลาหากอยากรู้ทำไมไม่สอบถามกับเจ้าตัวถึงข้อเท็จจริง และสื่อดังกล่าวที่นำเสนอข่าวโจมตีตนนั้นรับงานใครมาหรือไม่ เป็นการพูดด้อยค่าคนอื่นจนไม่มีจรรยาบรรณของสื่อ ดังนั้นผู้บริหารของช่องต้องพิจารณายึดหลักจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชนด้วยการลงโทษผู้ประกาศบางคนบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้นั่งหน้าจออ่านข่าวทุกวัน
นายสุชาติขอยืนยันว่า ในเรื่องการเมืองตนมีพลังจะทำงานการเมืองต่อไป แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งจะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถตัดสินใจได้อยู่ที่ประชาชนจะเลือกใคร และยืนหยัดว่าจะอยู่และทำงานกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อไป ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จะอยู่ตรงไหนตนพูดแทนไม่ได้ แต่พูดส่วนของตัวเองได้ว่าจะไปกับ “ลุงตู่”
ส่วนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อไหร่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่าตัวเองเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งจึงต้องขอให้ถึงวันนั้นก่อน ส่วนตัวยังพูดอะไรไม่ได้แต่เป้าหมายหลักทางการเมืองคือจะติดตามพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ตามพรรคการเมือง โดยจะทำงานยึดติดที่ตัวบุคคลไม่ยึดที่ตัวพรรค หากจะช่วยงานการเมืองใครจะดูว่าใครทำงานเพื่อประเทศชาติจริงๆใครทำงานแล้วไม่มีเรื่องทุจริตไม่มีเรื่องเสียหายจะทำงานให้คนนั้น ตนจะไม่ทำงานเพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งนโยบายแต่ละพรรคก็ดีหมดแต่ต้องดูที่การปฏิบัติ เช่นในพื้นที่จังหวัดชลบุรียึดที่ตัวบุคคล และมองว่าส.ส.หรือรัฐมนตรีคนไหนที่อยู่ในตำแหน่งแล้วช่วยเหลือประชาชนใส่ใจไม่ทอดทิ้งแก้ปัญหาได้เป็นที่พึ่งได้ก็จะเลือกคนนั้น นายสุชาติ มองว่า การเปิดตัวช้า ของพลเอกประยุทธ์จะส่งผลกระทบต่อคะแนนในการเลือกตั้งหรือไม่ว่า ต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน ยังไม่ขอพูดแทนคนอื่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง