เป็นไปตามคาดอย่างที่มีการเก็งกันไว้ว่าการประชุมครม.วานนี้ (๒๐ ธ.ค. ๒๕๖๕) จะมีการขยับ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากที่ปรึกษานายกฯลงมาเป็นเลขาธิการนายกฯ เพื่อเตรียมตัวรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ ภายหลังจากที่ระยะเวลางวดเข้ามาทุกที อย่างไรก็ตามในการประชุมครม.ล่าสุด มีรายงานข่าวออกมาว่าทาง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ดูเหมือนจะส่งสัญญาณให้รมต.ทุกคน พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรค รู้วัน ว. เวลา น. ในการยุบสภาแล้วว่าคงไม่เกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ และหากมีการยุบสภาจริงก็คงเกิดขึ้นใกล้รัฐบาลครบวาระ ๔ ปี ในวันที่ ๒๓ มี.ค.๒๕๖๖ ที่บิ๊กตู่พูดชัดในครม.ว่าจะอยู่ทำงานไปยาวๆจนถึงมี.ค.ปีหน้า “ ขณะนี้เราใช้งบประมาณมหาศาล งบกลางใช้ไปเยอะ ต้องปรับงบเพื่อให้เพียงพอที่จะใช้ได้ รัฐบาลอยู่อีก ๓ เดือน งบกลางก็ไม่เหลือมากมาย ผมก็ใช้อย่างระมัดระวังเต็มที่ ” บิ๊กตู่กล่าวถึงการใช้งบกลางของรัฐบาล พร้อมเฉลยระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลต่อจากนี้ ที่ดูทรงแล้วน่าจะลากยาวไปใกล้ๆครบวาระแล้วค่อยยุบสภาในปีหน้าเลย ด้านหนึ่งก็บริหารประเทศไปก่อนรอเวลาวัน ว. เวลา น. ที่เหมาะสมจริงๆ แล้วค่อยยุบสภา อีกด้านก็ต้องรอกฎหมายลูก ๒ ฉบับโปรดเกล้าฯลงมาก่อน เพราะฉะนั้นยังมีเวลาให้บิ๊กตู่คิดถึงอนาคตอีกพอสมควรอย่างน้อยเกือบ ๙๐ วัน
เสร็จจากการประชุมครม.ในทำเนียบรัฐบาล ด้วยบรรยากาศอบอุ่นสุดชื่นมื่น หลังมีการปิดห้องคุยกันกระหนุงกระหนิงระหว่าง ๓ พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ “พล.อ.ประวิตร -พล.อ.อนุพงษ์- พล.อ.ประยุทธ์” กลบกระแสความขัดแย้งแยกทางกันเดินของ ๓ ป. จากนั้นช่วงบ่ายบิ๊กตู่ก็หนีบรัฐมนตรีสายตึกไทยคู่ฟ้า อาทิ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ “แรมโบ้” ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ รวมถึงพีระพันธุ์ เลขาฯนายกฯคนใหม่สดๆร้อนๆ ฯลฯ ลงพื้นที่ จ.สงขลา และ จ.พัทลุง เพื่อตรวจเยี่ยมน้ำท่วมและให้กำลังใจชาวบ้าน งานนี้เสี่ยแด๊กที่เพิ่งได้เป็นรัฐมจนตรีใหม่ ได้นำ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เตรียมจะย้ายพรรคตามนายกฯมาอยู่กับรทสช. เข้าพบนายกฯด้วย อาทิ ศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา เขต ๒ พยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต ๓ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา เขต ๔ รวมถึง เจือ ราชสีห์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายพรรคจากค่ายสีฟ้ามารทสช. และ ปรีชา สุขเกษม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ๕ สงขลา มาคาราวะนายกฯพูดคุยกันกว่า ๑๐ นาที
จากนั้นบิ๊กตู่เดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัย ณ ศูนย์อพยพเทศบาล ต.ควนเนียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา มีชาวบ้านมาร่วมให้กำลังใจล้นหลาม หลายคนตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ” “ลุงตู่อยู่ต่อ” ขณะที่ช่วงหนึ่งได้มีประชาชนตะโกน “ นายกฯอยู่นานๆ” ขณะที่บิ๊กตู่ตอบกลับ “ จะอยู่อย่างไรยังไม่รู้เลย” ประโยคสั้นๆแต่ลึกล้ำความหมาย เหมือนบิ๊กตู่สะท้อนความกังวลในหัวใจออกมา เป็นนายกฯปัจจุบันก็ว่ายากแล้ว แต่จะไปต่อเป็นนายกฯสมัย ๓ นี้ยากกว่า เพราะมีด่านหินบททดสอบยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขารอบิ๊กตู่อีกมาก ถอดรหัสความกังวลของบิ๊กตู่ในสถานการณ์ปัจจุบันกับเส้นทางในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ต้องบอกว่าเหนื่อยจริงๆ ลำพังแค่ด่านแรกคือทำยังไงถึงจะให้รทสช.ได้ส.ส.เกิน ๒๕ คนขึ้นไป ผ่านด่าน ๕ % ซึ่งพรรคการเมืองที่จะเสนอบัญชีรายชื่อนายกฯต้องมีส.ส.ให้ได้ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ม.๑๕๙ ให้ได้ก่อน ถามว่าการได้ส.ส. ๒๕ คน เป็นฐานตั้งต้นสำหรับพรรคการเมืองขนาดกลางหรือขนาดใหญ่มันยากไหม ตอบเลยว่าไม่ยากสำหรับพรรคที่อยู่มานานและมีฐานมวลชนเหนียวแน่น อย่าง ๕ เสือพรรคการเมืองไทยตอนนี้ คือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคเพื่อไทย(พท.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พรรคก้าวไกล (กก.)
แต่สำหรับพรรคการเมืองใหม่อย่างรทสช.ที่เพิ่งตั้งมาแค่ไม่กี่ปียังไม่เคยลงสนามเลือกตั้งจริงสักครั้ง บอกเลยว่าต้องลุ้นกันเยี่ยวเหนียวเลยทีเดียว แม้จะเป็นพรรคที่ได้ชื่อว่า “นั่งร้านการเมืองใหม่” ของบิ๊กตู่ที่หลายพื้นที่กระแสของนายกฯยังดีอยู่ แต่ก็ต้องลุ้นกันเหนื่อยจริงๆ เพราะส.ส.เขตในมือของรทสช.มีน้อยจริงๆ ถ้าเทียบกับพรรคการเมืองอื่น ลำพังแค่ก๊วน “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส ใน จ.ชุมพรก็แค่ ๓ คน ก๊วน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น บ้านใหม่จ.ชลบุรี เต็มที่ก็แค่ ๗-๘ คน บวกกลุ่มเสี่ยแด๊กธนกรส.ส.ใต้มุ้งพปชร.จากจ.นครศรีธรรมราช กับ จ.สงขลา อีก ๔-๕ คน รวมกันก็แค่ ๒๐ คน กทม.อีก ๒-๓ คน เรียกว่าจะให้ถึงเส้นตาย ๒๕ คน ยังต้องลุ้นกันสุดๆ แม้ตัวพีระพันธุ์ โดยเฉพาะกับ “เสี่ยขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครทสช.คนดีลผู้สมัคร คนคัดเลือกตัวแทนพรรคมาเองกับมือ ทุกจังหวัดทุกเขตเสี่ยขิงดีลเองหมด จนทำให้มั่นใจสูงยิ่งว่าพรรคจะได้ส.ส.เกิน ๒๕ คนแน่นอน แต่การคาดการณ์จากองค์ประกอบแวดล้อมต่างๆ กับ วันเลือกตั้งจริงบางทีมันก็ห่างไกลกัน แถมมีตัวแปรระหว่างทางอีกเยอะ เพราะฉะนั้นการมีส.ส.ในมือไม่มากอย่างที่คิด ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ชื่อของบิ๊กตู่ “เสียของ” ตกโหวตได้เหมือนกันหากได้ส.ส.ไม่ถึง ๒๕ คน
ด่านที่สอง ประเด็นต่อมาต่อให้รทสช.ได้ส.ส.มาเกิน ๒๕ คนตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่เข็นให้ตายยังไงก็ไม่มีทางที่รทสช.จะเป็นอันดับ ๑ ในพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเก่าในฝ่ายที่ไม่เอาทักษิณ อย่าลืมว่ายังมีภท.ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังมาแรงล่าสุดเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคมีส.ส. ๓๔ คนจาก ๙ พรรคมาสมัครเป็นสมาชิกใหม่ ในกระเป๋าของเก่าก็มีอยู่ ๖๓ คนแล้ว บวกรวมคูณหารรวมกันก็เฉียด ๑๐๐ แล้ว แต่เป้าหมายที่ “ครูใหญ่เน” เนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคประกาศไว้คือ ๑๒๐ คน ไหนจะพรรคประชาธิปัตย์ของ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่อย่างต่ำตั้งเป้าไว้ใกล้เคียงของเดิมคือ ๕๓ ถึง ๖๐ คน ไหนจะพปชร.ของลุงป้อมที่ขี้หมูขี้หมาส.ส.เก่าบ้านใหญ่ผู้แทนเดิมน่าจะมีสัก ๔๐-๕๐ คน ถามว่ารทสช.ของบิ๊กตู่จะอยู่ตรงไหนแนวโน้มน่าจะตามมาอันดับ ๔ ให้แบบเหลือๆ ๓๐- ๔๐ คน ถามว่าแล้วรทสช.จะเป็นแกนนำรัฐบาลจะผลักดันบิ๊กตู่เป็นนายกฯสมัย ๓ ได้อย่างไรหากตัวเองเข้าป้ายเป็นอันดับ ๔ มีทางเดียวที่บิ๊กตู่จะเป็นนายกฯได้ในการเลือกตั้งคราวหน้า คือ “อนุทิน-จุรินทร์-ประวิตร” เทคะแนนส.ส.ของ ๓ พรรคตัวเองมาโหวต ไม่งั้นหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรไม่มีทางที่บิ๊กตู่จะชนะโหวตขึ้นเป็นนายกฯได้
ด่านที่สามประการต่อมาต่อให้บิ๊กตู่ตกลงกับหัวหน้า ๓ พรรคใหญ่อย่าง “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ” ได้สำเร็จจนสามารถขึ้นเป็นนายกฯได้ แต่บิ๊กตู่ก็จะเป็นนายกฯที่มาจากพรรคเสียงข้างน้อยในรัฐบาลเหมือนสมัย “อาจารย์หม่อม” ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่สร้างประวัติศาสตร์นำ ๑๘ เสียงของส.ส.พรรคกิจสังคมผงาดแป็นแกนนำรัฐบาลแล้วม.ร.ว.คึกฤทธิ์ก็ได้เป็นนายกฯ แต่สภาพการณ์ในอนาคตบอกได้เลยว่าบิ๊กตู่จะต้องเจอสารพัดปัญหาไม่สิ้นสุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ในพรรคมีแต่พวกเขี้ยวรากดิน รวมเหล่า “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ทั้งนั้น บิ๊กตู่จะต้องถูกโขกสับ ถูกบังคับ ตกเป็นเบี้ยล่างไปตลอด สภาวะการบริหารประเทศจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สั่งใครก็ไม่ได้ บังคับใครก็ไม่ทำ พรรคร่วมเสนอเรื่องอยากได้โครงการอะไร อยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหนก็ต้องยอมให้หมด จะเป็นนายกฯแต่ในนามไร้อำนาจไร้บารมีไม่เหมือนตอนเป็นสร.๑ เทอม ๑ ยุคอำนาจเต็มใบ ไม่เท่าช่วงสร.๑ เทอม ๒ ที่มีพปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล บิ๊กตู่จะต้องกินน้ำใต้ศอกของ ๓ หัวหน้าพรรคอย่างอนุทิน จุรินทร์ และพล.อ.ประวิตรไปตลอด นี้คือสภาพการณ์ในอนาคตหากพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจเดินหน้าการเมืองต่อ ขอลุ้นเป็นนายกฯสมัย ๓ ถ้าคิดว่าแบกไหวไปรอดก็หาวันยุบสภา เดินหน้าเลือกตั้งได้เลยครับ
/////////////////////
