วันที่ 21 ธ.ค.65 ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูลคณะสถิติประยุกต์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว Top News ถึงกรณี ศาลอาญายกฟ้องคดีที่นายธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ฟ้องหมิ่นประมาท ตนเองว่า คดีนี้ก็เป็นคดีที่โดนกล่าวหาว่าแชร์โพสต์ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ ที่โพสต์ข้อความเชิงตั้งคำถามว่า “หนีคดีหรือเปล่า” หลังปรากฎภาพนายธนาธรขณะอยู่สนามบินเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งเทล ประเทศฝรั่งเศส ที่เป็นการคาดคะเนสถานการณ์ ก็เป็นการวิจารณ์โดยสุจริต ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงอะไร เมื่อไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงก็ไม่ได้เกิดความเสียหายในการที่จะหมิ่นประมาท จึงศาลพิพากษายกฟ้อง ซึ่งคดีนี้เป็นเพียง 1 ใน 2 คดีที่นายธนาธรฟ้องตน
หลังศาลยกฟ้องคดีหมิ่น"ธนาธร" "ดร.อานนท์" ซัด สูงส่งกว่าสถาบันฯหรือไม่ ใครวิจารณ์ไม่ได้เลย ชี้ เป็นบุคคลสาธารณะต้องวิจารณ์ได้
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยส่วนตัวผมขณะที่ฟังคำพิพากษา ก็รู้สึกตื่นเต้น ถ้าใครเคยขึ้นศาลอยู่หน้าบังลังก์ ข้างหลังจะมีพนักงานราชทัณฑ์ถือกุญแจมือดังกรุงกริ๊งๆ ฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้นดีแต่ใจเราก็ต่อสู้ คิดว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ในฐานะที่เขาเป็นบุคคลสาธารณะในทางประชาธิปไตย การวิจารณ์บุคคลสาธารณะเป็นสิ่งที่ทำได้ เพื่อปกป้องประเทศชาติ และนักโทษหนีคดีมีมาแล้วเยอะแยะเช่นนายทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีคดีมาแล้วทั้งนั้น และออกไปนอกประเทศก็มักจะเกิดความรุนแรง ซึ่งคิดว่าเป็นการคาดคะเนสถานการณ์ สามารถเกิดขึ้นได้
ส่วนตัวผมมีความรู้สึก 2อย่าง คือ
1.เขาฟ้องหมิ่นประมาทคนอื่นเยอะมาก เช่นดร.มัติกร ยงประยูร นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม โดนฟ้องหมิ่นประมาท 2 คดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี และดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ แต่สิ่งที่มันย้อนแย้งก็คือว่าเป็นภาวะเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ปากว่าตาขยิบ และการฟ้องหมิ่นประมาทจริงๆเป็นมูลฐานความผิดเดียวกับมาตรา 112 และมาตรา 112เป็นการหมิ่นประมาทองค์พระมหากษัตริย์พระราชินี และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รวมไปถึงองค์รัชทายาท ก็เป็นการหมิ่นประมาทเหมือนกัน แต่คณะก้าวหน้าและพรรคการเมืองของนายธนาธรเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 และเรียกร้องว่ามาตรา 112 เอามาเป็นคดีแพ่งก็พอปรับแค่ 300,000 บาท แต่คดีผมเรียกค่าเสีย 10 ล้าน และอีกคดีเรียกค่าเสียหายมา 24,062,475 บาท ซึ่งก็งงๆว่า การเรียกเงินจำนวน 24 ล้านมีหลักการวิธีคิดคำนวณค่าเสียหายอย่างไร
ซึ่งรู้สึกว่าใครหมิ่นประมาทเขาไม่ได้เลยเขาฟ้องหมด แต่เขาต้องการให้คนหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างสะดวกสบาย เสียค่าปรับแค่ 300,000 แบบนี้คนมีเงินเยอะหมิ่นประมาทสถาบันฯได้ไม่จำกัดใช่ไหม มองว่าเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำเป็นขบวนการปากว่าตาขยิบ เพราะไม่สามารถรักษาได้เลยที่เขาเรียกร้อง เขากำลังหลงว่าตัวเองสูงส่งกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ล่วงละเมิดไม่ได้หรือไม่ มองว่าไม่เขาไม่มีหลักการอะไรทั้งสิ้นมีแต่หลักกู หมิ่นกูไม่ได้แต่หมิ่นสถาบันฯได้ตามสบาย
2.ผมคิดว่าเขาไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะว่าการเป็นประชาธิปไตยต้องทนกับความเห็นสาธารณะ ต้องทนการวิพากษ์วิจารณ์และเปิดใจกว้างรับฟัง แต่เขาฟ้องคนเยอะแยะมาเป็น 10 คดีที่วิจารณ์เขา ถ้ามีจิตใจเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงจะไม่ฟ้องปิดปากคนแบบนี้ เป็นประชาธิปไตยรู้ว่าความเห็นต่างเป็นเรื่องของประชาธิปไตย การฟ้องปิดปากคนเยอะแยะไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทำเพราะคิดว่าตนเองสำคัญกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ ยืนยันว่า จะต่อสู้เพราะเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อชาติบ้านเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง และความดีจะคุ้มครองเรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง