ขณะที่นายกรัฐมนตรี ยังไม่ตอบว่าจะไปสมัครพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อใด ส่วนการเลือกตั้งยังคงจับมือกับพลเอกประวิตรหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกระบวนการหลังเลือกตั้งถึงเวลานั้นก็ต้องมีการพูดคุยจับคู่ทางการเมืองว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล คะแนนเสียงได้มากกว่าก็เป็นรัฐบาล ซึ่งตนก็มาเป็นนายกฯและรัฐบาลรอบที่แล้วก็เป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้นโยบาย มีหัวหน้าพรรคได้ทำวางไว้อยู่แล้ว ซึ่งต้องมีการสานต่อผลงานการทำงานให้เกิดความมั่นคงยั่งยืนไม่ใช่ผิวเผินและต้องเป็นนโยบายที่จับต้องได้ถ้าประกาศว่าจะทำโน่นทำนี่ ต้องดูว่าทำได้จริงหรือไม่ นโยบายจะใช้เงินอย่างไรมาจากไหน จึงต้องมีกติกาพอสมควรเพื่อไม่ให้เป็นภาระของประเทศ แต่สถานการณ์ที่ผ่านมาโชคไม่ดีที่เราได้เจอทั้งวิกฤตโควิดและวิกฤตสงครามพยายามที่จะบริหารฐานะทางการเงิน การคลังให้ดีที่สุด และยังคงดีอยู่และปัญหาก็ยังคงต้องแก้ไปเรื่อยๆ ขอให้พวกเราอย่าท้อแท้อย่าทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ถ้าเรายังเอาชนะคะคานกันก็จะกลับไปอยู่ที่เดิม เลือกตั้งก็ต้องมองดูว่าจะเลือกใครท้ายที่สุดใครจะเป็นนายกฯ เมื่อเลือกตั้งมาแล้ว มารวมคะแนนเสียงกันร่วมฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลใครได้มาก็เป็นรัฐบาลและนายกฯที่ถูกเสนอชื่อก็จะเป็นนายกฯซึ่งเป็นเรื่องอนาคตไม่มีอะไรแน่นอนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า การเลือกตั้งถือมีความสำคัญขอให้คิดและไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุมีผล มีหลักคิดหากอยากได้นู่น ได้นี่ ถ้าเกินขีดความสามารถของรัฐบาลเกินขีดความสามารถของงบประมาณ ประเทศชาติก็เดือดร้อน เสียหาย เพราะต้องยึดประโยชน์โดยรวม ของแต่ละกลุ่ม แต่ละอาชีพ ต้องเฉลี่ยการใช้จ่ายเงินให้ดี ซึ่งนายกฯก็ใช้หลักการนี้บริหารมาตลอด หลายอย่างก็ดีขึ้น หลายอย่างก็ประสบปัญหา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรอบด้วย
“วันนี้จำเป็นต้องพูดเกรงว่าถ้าไม่พูดก็จะวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยๆ ตนก็ตัดสินใจแล้ว อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ได้สนับสนุนเสนอให้เป็นนายกฯครั้งที่ผ่านมา เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน”
ส่วนในสภาส.ส.ที่มาต้องแสดงตน และนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาก็กล่าวย้ำไว้แล้วว่าให้แสดงตนด้วยหากเป็นส.ส.ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ตนจะไปบังคับใครได้ ซึ่งวิปทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก็มีการประสานงานกันทั้งหมดแล้วส.ส.ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเอง เข้าไปในสภาก็ต้องแสดงตนถ้าเข้าไปสภาแล้วไม่แสดงตนจะเข้าไปทำไม ต้องมองแบบนี้
ส่วนอายุรัฐบาลจะครบเทอมหรือจะมีการยุบสภาก่อนหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เคยบอกไปแล้วว่าวันนี้ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่ ต้องดูจังหวะและเวลา พร้อมกับดูข้อกฎหมายกกต.ด้วย ซึ่งก็ได้ชี้แจงมาแล้ว ต้องหารือกับฝ่ายการเมือง หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
นายกฯย้ำว่า งานหลักของตนคือดูแลชาติและประชาชน เหตุผลที่ผมเข้ามานักการเมืองลืมไปหมดแล้ว ว่าได้ทำความเสียหายอะไรไปบ้าง ตนเข้ามาก็แก้ไขให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น สิ่งที่สำคัญในวันนี้มากกว่าการเลือกตั้งคือประชาชนจะมีความรักความสามัคคีกัน
วันนี้ ให้ความสำคัญเรื่องสถานศึกษาการบูลลี่บิดเบือนต้องไปดูว่าใครเป็นคนทำและมาจากต้นต่อมาจากไหน สิ่งนี้เป็นอันตรายที่สุดในการศึกษา ครูมีหน้าที่ทำผ้าขาวให้เป็นผ้าขาวที่บริสุทธิ์ เพราะเด็กเหล่านี้เป็นคนบริสุทธิ์ ภูมิต้านทานอาจจะน้อย อาจจะเชื่อง่าย สอนคนตั้งแต่เด็กให้รู้จักหน้าที่มีวินัย ครูมีบทบาทหน้าที่สำคัญ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่สนใจเรื่องนี้ ก็มีการตรวจสอบมีการดำเนินคดี มีการสอบสวนอยู่ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้บานปลาย จึงขอไปยังสถานศึกษาครูอาจารย์ซึ่งเท่าที่ดูจากฝ่ายความมั่นคงมีอยู่หลายคน
นายกรัฐมนตรี ขอร้องแล้วกัน สั่งสอนเด็กไม่ใช่ สอนไม่ให้คนไม่เคารพพ่อแม่ไม่เคารพครูบาอาจารย์หรือเคารพกฎหมาย แก้วหากเกิดการแตกร้าว จะประสานกลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้
“ขอร้องเถอะครับ ซึ่งเมื่อเกิดคดีความก็เป็นเรื่องของกฎหมายของศาล ขออย่าทำ อย่าเหิมเกริม ทำมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เกรงกลัว กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ในการออกหมายเรียกให้มาตักเตือนปรับปรุงตัว หลายคนก็เข้าใจปรับปรุงตัวเอง ขอให้ระมัดระวังการจะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ละคดีต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มีเพียงพอส่งฟ้องอัยการและต่อสู้คดีกันในศาล เราจะปล่อยให้เกิดขึ้นแบบนี้อีกหรือ”
พลเอกประยุทธ์ ยืนยันว่า ตนไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยเพราะอำนาจต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ การใช้อำนาจก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง ตนดูแลทั้งหมดไม่ว่าจะเรื่องงบประมาณเนื่องจากตนเป็นผู้กำหนดนโยบายและสั่งให้มีการตรวจสอบเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรีมีการตรวจสอบทุกกระทรวงและทำให้เกิดการพัฒนาก้าวหน้าของประเทศมามากมาย ให้ทุกพรรคไม่ได้เลือกที่จะให้
ยืนยันว่าตนไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลและเห็นว่าทุกกระทรวงก็มีผลงานทั้งหมดและตน ก็ร่วมการตัดสินใจในการบริหารรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งตนใช้อำนาจตามกฏหมายตามระเบียบปฏิบัติต่างๆ หลายคนออกมาพูดไม่มีการพูดเชิงบริหารกันเลยว่าเป็นห่วงว่าจะทำได้จริงหรือไม่ หากเกิดปัญหาก็จะเกิดปัญหาความมั่นคง ความปลอดภัยประเทศ ก็อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอีก ยืนยันว่าตนทำเพื่อประเทศไทยและร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง ใช้จ่ายงบประมาณอย่างระมัดระวังเพื่อเตรียมงบกลางเป็นงบสำรองเพื่อใช้กับสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้มีเพียงพอให้งานเดินหน้าต่อไปได้และอย่าลืมว่าสถานการณ์โควิดกระทบต่อเศรษฐกิจ