เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ตอนเป็นพันเอกท่านเป็นผู้การ ม.พัน 4 (กรมที่มีรถถังใหญ่และมีอานุภาพมากที่สุดของกองทัพ) ทหารที่คอยขับรถให้กับท่านในขณะนั้นชื่อ ร.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งตอนหลังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพลตรีสมัย พล.อ.ชาติชาย เป็นนายกรัฐมนตรี พลตรีสนั่นซึ่งมีความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษได้เล่าให้ผมฟังว่า พล.อ.เปรม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวใดๆ ที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์คงเป็นคนที่ยึดมั่นวาจาสัตย์ว่าจะรักเดียวใจเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ท่านอกหัก
#ความจริงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ครับ นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นความเท็จที่ผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์พยายามบิดเบือนใส่ความชั่วร้ายให้กับ พล.อ.เปรม (คนดีของประเทศ) ก็เพื่อปลูกฝังความเกลียดชังให้กับสถาบันฯ ว่าเลือกคนและเลือกใช้แต่คนที่ไม่ดีไม่มีคุณธรรมและไม่มีศีลธรรม
คนเป็นครู ต้องตระหนักว่าตนต้องไม่เอาทัศนคติส่วนตัวมาใช้ในการสั่งสอน แต่ควรยึดมั่นในหลักกา และหลักความเป็นจริง ที่มีหลักฐาน เชื่อถือได้ เด็กๆ เขากำลังสร้างความเข้าใจ สร้างทัศนคติที่เขามีต่อโลกอยู่ครับ อย่าทำร้ายพวกเขาด้วยการใส่ข้อมูลผิด ๆ เลยครับ
ถ้าคนเป็นครูที่มีอคติเพราะได้รับข่าวสารมาผิด ๆ แล้วนำความคิดอคติหรือมิจฉาทิฎฐินั้นมาสอนเด็กๆ เด็กเหล่านั้นโตขึ้นมาก็จะเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน
ผมเป็นครูแต่เขาเรียกอาจารย์สอนที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอายุราชการ 16 ปี (พ.ศ. 2510 – 2526) สอนนักศึกษาตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปริญญาโท ผมสำนึกตลอดในการไม่สอนนักเรียนของผมให้มีอคติใดๆ ตามความเชื่อส่วนตัวของผมเอง เพราะผมรู้สึกว่าการเป็นครูสอนคนมันเป็นอาชีพครึ่งพระครึ่งข้าราชการ อาจารย์หรือครูที่ดีจึงควรมีความซาบซึ้งพอสมควรกับศีลธรรมอันดีของทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้คนละเว้นทำชั่วไม่เบียดเบียนคนอื่น
ทั้งทางกาย วาจา และใจ และสอนให้ทุกคนพยายามทำความดี (สุจริต 3) คือ ทำดีทั้งทางกาย (เช่นไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน เป็นต้น) ทำดีทางวาจา (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดใส่ร้ายผู้อื่น ไม่พูดให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในสิ่งที่ควรจะเป็น และสิ่งที่ได้เป็นจริงไปแล้วในอดีต) ทำดีทางมโน (คือ มีจิตใจไม่อาฆาตมาดร้ายคอยสาปแช่งผู้อื่นให้ประสบความหายนะทั้งทางอาชีพและเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและรวมทั้งการสาปแช่งให้ผู้ใดป่วยหรือมีชีวิตสั้น เป็นต้น)
ธรรมะเหล่านี้จะถูกปลูกฝังในตัวเด็กๆ ได้ในชั้นแรกก็โดยการสั่งสอนอบรมของพ่อแม่ของครูบาอาจารย์ เอาเฉพาะพ่อแม่ย่อมมีความสำคัญมากกว่าครู เพราะอยู่ใกล้ชิดกับลูกมากกว่าครู ผู้ใหญ่ที่โตขึ้นมาจนมีอาชีพหลักเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นครูหรือเป็นอะไรก็ตามจะเป็นคนที่มีจิตใจสูงปกคลุมด้วยธรรมะได้ต้องเป็นเด็กที่พ่อแม่เคยสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ๆ
แต่เด็กบางคน #โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน พ่อแม่ไม่สอนธรรมะก็เพราะพ่อแม่เองก็เป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่พ่อแม่ไม่มีธรรมะก็เป็นเพราะปู่ย่าตายายเป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่ปู่ย่าตายายไม่มีธรรมะก็เพราะทวดทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ไม่มีธรรมะ และเราสามารถจะอธิบายเช่นนี้สืบต่อค้นไปจนถึงต้นตระกูลของพวกมันเหล่านี้ คนที่ไม่มีธรรมะเช่นนี้ ภาษาไทยเดิมเขาเรียกว่า “เป็นคนที่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่ได้อบรมสั่งสอน มันจึงเลวอย่างที่เห็น หาดูได้ไม่ยากทั้งในวงการราชการและวงการการเมืองของไทย”
ถ้าเป็นทางฝ่ายข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาใดพบเห็นลูกน้องที่มีพฤติกรรม “ไร้ธรรมะ” เช่นนี้ ต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการคนอื่น ๆ ถ้าผู้บังคับบัญชาพบเห็นแล้วเฉยๆเสียก็แสดงว่าผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนที่ “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่ได้สั่งสอนพวกมันมาเช่นเดียวกัน”
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่าการให้ธรรมทานร้อยครั้งก็ได้บุญน้อยกว่าให้อภัยทานเพียงหนึ่งครั้งเพราะอภัยทานจะเกิดได้ก็แต่เฉพาะกับคนที่เข้าถึงปรมัตถบารมีซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้พระนิพพานมากที่สุด
ผมให้อภัยทานแค่ครึ่งเดียวต่อผู้ใส่ร้าย พล.อ.เปรมและสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะผมยังอยู่ห่างไกลจากพระนิพพานมากอยู่เหมือนกันครับ