ติดตามต่อเนื่องภายหลังศาลปกครอง มีคำวินิจฉัยยกคำร้องของสภาองค์กรของผู้บริโภค กับพวกรวม 5 คน ในการขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาใน 4 ประเด็นหลัก ซึ่งอาจมีผลทำให้การรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ต้องชะลอไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษา
โดยชี้ว่าอำนาจของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการมีมติเพื่อรับทราบการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC โดยเห็นชอบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ไม่มีเหตุจะรับฟังได้ว่ามติดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง และเมื่อได้วินิจฉัยเช่นนี้แล้ว จึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีก เนื่องจากไม่มีผลทำให้คำสั่งเปลี่ยนแปลงไป จึงมีคำสั่งยกคำขอ ส่งผลให้แผนการรวมธุรกิจ TRUE-DTAC ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปตามกรอบเวลา
ล่าสุด Mckinsey บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ได้เผยแพร่บทความเรื่อง อนาคตของการควบรวมในธุรกิจ โทรคมนาคม The future of M&A in telecom เขียนโดย จีน คริสโตเฟอร์ เลอ บราวน์ ระบุชัดเจนว่า อุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำการควบรวม ด้วย 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1) การควบรวม เพื่อให้ขนาดสามารถแข่งขันได้ (Gain scale for competition) ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมบางประเทศ ผู้นำตลาด เป็นผู้นำเดี่ยว ทำให้มีความได้เปรียบจากการใช้ Scale Benefit หากนำผลการศึกษามาเปรียบเทียบกับประเทศไทย พบว่า เอไอเอส มีส่วนแบ่งตลาดเกือบครึ่งหนึ่ง ทำให้คู่แข่งขันมีแนวโน้มในการควบรวมเพื่อลดช่องว่างด้านขนาด เป็นต้น
2) การควบรวมของโอเปอร์เรเตอร์ในประเทศมีมากขึ้น เนื่องจากความต้องการในการลดต้นทุน (The amount of in-country consolidation for cost reduction) เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอบริการที่มีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น ดังตัวอย่างประเทศไทย ที่โอเปอเรเตอร์มีต้นทุนค่าไลเซนต์ ค่าคลื่น ค่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์คในราคาสูงมาก ทำให้ภาวะต้นทุนยากต่อการแข่งขัน อีกทั้งมรสุมเงินเฟ้อ ในอนาคตจะกดดันดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น การที่ผู้ประกอบการปรับตัว ก็จะทำให้ต้นทุนลดลงเป็นต้น
3) ผู้ประกอบการต้องการควบรวม เพื่อให้บริการดิจิทัลอื่น ที่มีมูลค่าสูงกว่า Operator decisions to expand aggressively in non-core areas.เพื่อไปแข่งในเวทีดิจิทัล ที่มีการให้บริการแบบบนก้อนเมฆ ( Cloud Solution) ครอบคลุม IOT, Digital Service
ทางด้าน แหล่งข่าวจากวงการนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ อธิบายเพิ่มเติม ว่าจากผลการศึกษาของ Mckinsey เรื่องอนาคตของการควบรวมในธุรกิจ โทรคมนาคม แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทหลังการควบรวมในโทรคมนาคม มี 3 ประเด็นที่น่าสนใจต้องติดตามถึงประโยชน์ในอนาคต คือ การควบรวม เพื่อให้ขนาดสามารถแข่งขันได้ ในประเด็นนี้หลังการควบรวม จะทำให้การเข้าถึงสัญญาณเครือข่ายดีขึ้น เสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น สัญญาเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น โดยเมื่อรวมจำนวนเสาสัญญาณของทรูและดีแทคแล้ว คาดว่าจะมีมากกว่า 49,800 สถานีฐาน ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ลูกค้าดีแทคก็จะได้ใช้สัญญาณ 5G ของทรู ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ คลื่นที่ครบถ้วนในทุกย่านความถี่ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับทุกย่านความถี่เริ่มตั้งแต่คลื่น 700 MHz มีทั้ง 2 ค่าย คลื่น 850 MHz ดีแทคสามารถใช้ของทรูได้ คลื่น 900, 1800, 2100 MHz มีทั้ง 2 ค่ายและลูกค้าทรูก็สามารถใช้คลื่นที่ทรูไม่มีเช่นคลื่น 2300 MHz ในขณะที่ดีแทคสามารถมาใช้คลื่น 2600 MHz 5G ของทรูได้ ดังนั้น ลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากจำนวนคลื่นและแบนด์วิธที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถโทรโดยใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับได้ทุกย่านความถี่
ประเด็นที่สอง คือ การจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การควบรวมของโอเปอร์เรเตอร์ ทำให้ได้ประโยชน์จากการลดต้นทุน (The amount of in-country consolidation for cost reduction) เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอบริการที่มีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น ดังตัวอย่างประเทศไทย ที่โอเปอเรเตอร์มีต้นทุนค่าไลเซนต์ ค่าคลื่น ค่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์คในราคาสูงมาก ทำให้ภาวะต้นทุนยากต่อการแข่งขัน อีกทั้งมรสุมเงินเฟ้อ ในอนาคตจะกดดันดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น