การเมืองช่วงนี้ไม่น่าจะมีประเด็นอะไรร้อนแรงมากไปกว่ากรณีที่ “เสี่ยเน” เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) ออกมาให้สัมภาษณ์รายการข่าว สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ร่ายยาวถึงสถานการณ์การเมือง หลังการเลือกตั้งปี ๒๕๖๖ ในทำนองว่า อนาคตหลังเลือกตั้งในปีหน้า จะไม่มีการแบ่งขั้ว แบ่งฝ่าย แบ่งสี อีกต่อไป “ การเมืองไทย ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร เชื่อผมเลย และสิ่งที่มันเป็นกลไกสำคัญที่สุด การตัดสินของประชาชน ณ วันลงคะแนนเลือกตั้ง จะเป็นตัวบังคับให้นักการเมือง และพรรคการเมืองต้องรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร…..เรื่องแบ่งขั้ว เลิกคิดได้แล้ว เรื่องขั้ว ถ้าเมื่อไร เรายังแบ่งขั้ว แบ่งสี อยู่แบบนี้ บ้านเมืองมันไปไหนไม่ได้……ส่วนหนึ่งที่บุรีรัมย์มาถึงวันนี้ แล้วพัฒนาแบบก้าวกระโดด ใน ๑๐ ปี เติบโตกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย เพราะเราไม่มีขั้ว” ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทยระบุ
แค่นั้นยังไม่พอเนวินยังตอบคำถามแนวโน้มความเป็นไปได้ในอนาคต พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสจะจับมือร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณหรือไม่ ความว่า “ คำถามวันนี้ คือว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นของใคร ตอบผมหน่อยสิ พรรคเพื่อไทย ขับเคลื่อนด้วยใคร ใครกำหนดนโยบายพรรคเพื่อไทย ใครบริหารพรรคเพื่อไทย ถ้าหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรคในปัจจุบัน เป็นผู้บริหารทั้งหมดนี่นะ แล้วมันมีความขัดแย้งอะไรกับ คุณอนุทิน เขาล่ะ ผมก็ไม่เห็นว่ามีความขัดแย้ง แม้กระทั่งตัวท่านนายกฯ ทักษิณ เองนี่นะ ในอดีตกับคุณอนุทิน นี่นะ เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อย่าเอาตัวผมมาเป็นที่ตั้งสิ ผมไม่ได้เกี่ยวกับพรรคภูมิใจไทย นะ ผมแค่ครูใหญ่ ผมเป็นแค่ลุงเนวิน …คนที่อยู่ในพรรคภูมิใจไทยวันนี้ กับคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยวันนี้ คนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์วันนี้ คนที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ ไม่เห็นมีใครมีความขัดแย้งกันนี่ ทำไมพวกคุณจะรวมกันไม่ได้ล่ะ” เนวินระบุ ได้ยินเนวินพูดแบบนี้ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลหรือขั้วการเมืองเก่าเล่นเอาเสียวกันทั้งบาง เนวินพูดกั๊กแบบมีนัยยะแบบนี้ตีกรรเชียงเปิดช่องพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค ไม่เว้นแม้กระทั่งคอกทักษิณก๊วนเพื่อไทย อย่าลืมว่าการเลือกตั้งคราวหน้าที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านับจากนี้ พรรคภูมิใจไทยประกาศตัวมาตลอดว่าพร้อมเป็น “ต้นขั้ว” การเมืองใหม่หลังการเลือกตั้ง ๒๕๖๖ อย่าลืมว่าเลือกตั้งเที่ยวหน้าหลายอย่างเปลี่ยนไป เลือกตั้งกติกาใหม่ บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ เขต ๔๐๐ คน บัญชีรายชื่อ ๑๐๐ คน องค์ประกอบเปลี่ยน ตัวแปรไม่เหมือนเดิม พรรคการเมืองใหม่ๆมีเพิ่มขึ้น พรรคใหญ่มีลุ้นพรรคเล็กตายหมด ลำพังแค่ ๓ ป. แตกพรรค ระหว่าง “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แยกทางกันเดินไปกันคนละทาง ลุงป้อมอยู่โยงกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บิ๊กตู่ย้ายไปกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพียงเท่านี้พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม ก็เปลี่ยนผู้นำทางการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐมาเป็นพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
เพราะบวกลบคูณหารไม่มีทางที่พรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมหรือพรรครวมไทยสร้างชาติของบิ๊กตู่จะเป็นพรรคที่ได้ส.ส.สูงสุดในฝ่ายรัฐบาลอย่างแน่นอน ประเมินแล้วเต็มที่ “พรรคพี่พรรคน้อง” ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะได้ส.ส.พรรคละ ๔๐-๕๐ คน เต็มที่ก็ชิงอันดับ ๓ และ ๔ ในฝั่งพรรคขั้วรัฐบาลเดิม ส่วนอันดับหนึ่งนอนมาน่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทยแน่นอนที่ตอนนี้แกนนำในพรรคลุ้นเกิน ๑๐๐ คน แต่เนวินเคยพูดว่าอาจได้ไปไกลถึง ๑๒๐ คน ส่วนพรรคอันดับ ๒ น่าจะเป็นของพรรคสีฟ้าประชาธิปัตย์ ที่เดิมพันรอบนี้มีสูง เพราะมีเก้าอี้ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ อนาคตทางการเมืองของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคเป็นตัวประกันได้น้อยกว่าเก่าไม่ถึง ๕๓ คน จุรินทร์บ๊ายบายเฉลิมชัยกลับบ้าน อย่าว่าแต่ต่างขั้ว “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน” จะแข่งกันดุเดือดเลย ลำพังในพรรคร่วมรัฐบาลเองก็แข่งกันสุดฤทธิ์เพราะแพ้กันไม่ได้ ไล่เรียงกันแบบนี้เพราะต้องการเท้าความให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสสูงยิ่งที่จะยืน ๑ ฝั่งขั้วรัฐบาลเดิม ด้วยเหตุนี้เนวินจึงกล้าคิดการใหญ่ดันลูกศิษย์ที่เป็นน้องรักอย่างอนุทินขึ้นเป็นนายกฯ ล่าสุดถึงขนาดพูดเสียงดังว่าเสี่ยหนูพร้อมเป็นนายกฯเลือกตั้งเที่ยวหน้าแล้ว เพราะมีคุณสมบัติครบ ๓ ข้อ คือ ๑.การศึกษา ๒. ฐานะ ๓.ประสบการณ์ชีวิต และเพราะเหตุนี้จึงไม่แปลกที่เนวินจะต้องเปิดออปชั่นทุกทาง เปิดทางเลือกไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะการประกาศให้ทุกฝ่ายลืมอดีต ลืมขั้ว ลืมสี พร้อมจับมือทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
วันนี้การเลือกตั้งงวดเข้ามาทุกที แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นวันไหนแต่ก็ใกล้เข้ามาทุกที เนวินออกมาพูดชัดซะขนาดนี้ ถึงขั้นลั่นวาจา “ไม่มีมิตรแท้-ศัตรูถาวร” ขั้วรัฐบาลเก่าก็ทำใจได้เลย สัจจะวาจาที่เคยพูดว่าจะจับมือกันหลังเลือกตั้ง ตอนนี้คงมลายหายไปหมดแล้ว แต่ที่หลายคนคาใจที่เนวินพูด ต่างคนต่างเป็นอิสระช่วงเลือกตั้งอันนั้นเข้าใจได้ แต่ถึงขั้นลืมความบาดหมางไม่มีอะไรในใจกับนักโทษทักษิณพรรคเพื่อไทยอันนี้ก็ฟังดูทะแม่งอยู่ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยรวมถึงเนวินแสดงจุดยืนดูแลชาติปกป้องสถาบันมาตลอด ถึงขนาดเคยพูดความเป็นพรรคสีน้ำเงินเทิดทูนสถาบัน ส่วนอนุทินก็เคยลั่นวาจาไม่มีทางที่จะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยจับมือกับคอกนายใหญ่ ยกตัวอย่างเอาที่พอจำได้ ๑๖ มิ.ย. ๒๕๖๒ ให้สัมภาษณ์ในรายการทูไนท์ ไทยแลนด์ ทางช่องวอยซ์ ทีวี และกล่าวตอนหนึ่งว่า คนไทยน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพรรคภูมิใจไทยอยู่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่หาเสียงและตอนที่ตั้งพรรคภูมิใจไทยเองก็ตาม “ ผมมั่นใจว่าคนไทย perceive (รับรู้) อยู่แล้วว่าภูมิใจไทยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว โดยเฉพาะกับไอ้ ๒ น.หนูเนี่ย” เสี่ยหนูระบุ หรือ ๒๐ ก.ค. ๒๕๖๕ พูดที่รัฐสภา กรณีที่โทนีแพ้พนันเรื่องการฉีดวัคซีนด้วยขี้หมากองเดียว อนุทินตอบกลับเมื่อถูกถามเรื่องการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า “ เราก็ไม่ได้คิดจะไปร่วมอยู่แล้ว เราทำอนาคตตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด มั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยแสดงให้ประชาชนเห็นว่า นโยบายต่างๆของพรรคภูมิใจไทยเราพูดแล้วทำ”
เนวินออกมาพูดพร้อมร่วมงานกับทุกพรรคขอให้ลืมอดีตทุกอย่าง นอกเหนือจากพรรคเพื่อไทย ขอถามกลับไปถึงพรรคภูมิใจไทย “ครูใหญ่เน-เสี่ยหนู” ดังๆ แล้วกับพรรคก้าวไกลกับพรรคส้มล้มเจ้าก็สามารถจับมือตั้งรัฐบาลร่วมกันทำงานได้อย่างนั้นหรือ อย่าลืมว่าคำพูดเป็นนายตัวเอง ก่อนหน้านี้เมื่อ ๑๙ ต.ค. ๒๐๒๒ เสี่ยหนูเคยให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม. ๑๑๒ อย่างแข็งกร้าวว่าหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะไม่แก้ไข ม.๑๑๒ พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยมีอุดมการณ์ทางการเมือง ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเป็นข้อแรก เป็นหัวใจในการทำงานของพรรค และเป็นอุดมการณ์ที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคนยึดถือเป็นหลักในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน “ พรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคพูดแทนสมาชิกทุกคนได้เลยว่าเราไม่แก้ไข และจะคัดค้าน ขัดขวางถึงที่สุด รวมทั้งจะไม่ร่วมมือ ร่วมทำงาน กับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่เสนอแก้ไข ม.๑๑๒ ทุกระดับ รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรืออีกกี่ครั้งก็ตาม” อนุทินระบุแถมย้ำชัดๆอีกครั้งว่า “ ไม่มีทางอย่างแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่พรรคภูมิใจไทยจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบาย มีแนวคิดแก้ไข ม.๑๑๒ รวมอยู่ด้วย เพราะมีอุดมการณ์ขัดแย้งกันจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้”
หยิบเรื่องนี้มาพูดย้อนอดีตเรื่องนี้สะกิดเนวินกระตุกอนุทิน อย่าเสียคำพูดอย่าลืมหลักการ คำพูดเป็น “นาย” กระกระทำเป็น “บ่าว” เลือกตั้งยังไม่ถึงเข้าคูหายังอีกนานจะรีบร้อนรนเปิดหน้าล่อปลายคางให้เพื่อนต่อยไปทำไม เข้าใจว่าอยากเป็นแกนนำรัฐบาลมาก รู้ดีว่าโอกาสทองฝั่งเพชรของเสี่ยหนูจ่อเต็มที วันนี้ที่รอคอยของครูใหญ่เนกำลังจะมาถึง มีหัวหน้าพรรคคนแรกที่ได้เป็นนายกฯบริหารประเทศ แต่การเมืองทุกวันนี้มันเปลี่ยนเร็ว ยังมีจุดพลิกผันพลิกเกมอีกมาก โอกาสเปลี่ยนสถานะจากพรรคขนาดกลางไปเป็นพรรคขนาดใหญ่มีแน่นอน แต่ถึงขั้นแกนนำรัฐบาลคว้าเก้าอี้นายกฯยังต้องลุ้น รีบชิงสุกก่อนห่ามไประวังจะลื่นบันไดตึกไทยคู่ฟ้าไปเสียก่อน “จุดยืน-จุดแข็ง” ของพรรคภูมิใจไทยมันมีอยู่แล้ว จะมารีบทำลายข้อดีข้อเด่นของตัวเองไปทำไม ถ้าชะตาฟ้าลิขิตให้พรรคภูมิใจไทยจะได้เป็นแกนนำรัฐบาลอย่างที่หวังมันก็คงได้เป็น ถึงเวลาสวรรค์บันดาลให้เสี่ยหนูอนุทินประกาศความเกรียงไกรผงาดเป็นนายกฯคนแรกบันทึกประวัติศาตร์พรรคชั่วนิรันดร์ ถึงตอนนั้นช้างก็ฉุดไม่อยู่อะไรก็คงมาขวางทางไม่ได้ แต่สุภาษิตไทยอย่างที่เขาว่า “ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม” ครูใหญ่เนกับพี่เสี่ยหนูไม่ต้องรีบไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรือฉีกสัญญาใจทิ้งพรรคพวกร่วมรัฐบาลกันไปดื้อๆแบบนี้ เปิดหน้ามาดีแล้ว ผลงานก็พอมี กระสุนก็เพียบพร้อม กำลังไพร่พลก็มีมากกว่าเก่าก่อน อย่าให้ต้องมาตกมาตายก่อนออกกรำศึกเพราะความใจร้อนรอไม่ได้ของตัวเอง คนจะเม้าท์มอยส์เอาได้ว่ามีดีลลับอะไรกับดูไบหรือป่าว ถึงรีบทิ้งบิ๊กตู่ไวขนาดนี้ รอมาตั้งนานยังรอได้ จะเพราะตื่นเต้นที่จะได้เป็นแกนนำรัฐบาลครั้งแรกหรือกังวลกลัวว่าจะไม่ได้เป็นต้นขั้วรัฐบาลใหม่หรือเกรงว่าจะชวดเก้าอี้นายกฯ จึงทำให้เก็บอาการไม่อยู่ ใจเย็นๆยังมีเวลาอีกพอสมควร เงื่อนไข ตัวแปร ปัจจัยแวดล้อมต่างๆยังเปลี่ยนได้อีกเยอะ เตือนสติกันไว้เพราะไม่อยากให้ใจเร็วด่วนได้ หลงผิดเรื่องเล็กๆการใหญ่ที่คิดไว้จะพาลเสียของเอา
////////////////////