ย้อนเหตุการณ์ คาร์ม็อบ สมบัติทัวร์ ขับไล่รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์”

ย้อนรอยเหตุการณ์ครั้งอดีต คาร์ม็อบ บก.ลายจุด หวังขับไล่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคาร์ม็อบ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประกาศถึงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศทั้งหลาย เป็นที่ประจักษ์ชัด ว่า ประเทศเรานี้ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยมีรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจาก ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศแล้ว ยังอวดฉลาด เลือกคนประจบสอพลอมาใช้งาน ขาดหลักวิชา ประมาทต่อสถานการณ์โรคระบาดจนประชาชนล้มตายจำนวนมาก หลอกลวงว่า จะหาวัคซีนที่มีคุณภาพและเพียงพอ แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

บัดนี้ สภาพการณ์บ้านเมืองทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสุขภาพของประชาชนนั้น ได้อยู่จุดต่ำสุด แต่นั่น ก็ยังไม่ใช่หายนะที่อาจต่ำไปกว่านี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงบริหารประเทศชาตินี้ต่อไป

ข้าพเจ้าขอนัดหมายท่านทั้งหลาย ออกมาแสดงออกบนท้องถนน เพื่อเป็นฉันทมติของประชาชนในการขับ-ไล่ รัฐบาลประยุทธ์ออกจากอำนาจไม่มีผู้นำโง่คนไหนจะพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองได้ นอกจากหายนะ พบกัน 1 ส.ค. 64 ทั่วประเทศ เจอกันบนท้องถนนทุกแห่ง โปรดติดตามรายละเอียดในตอนต่อไป

หากย้อนไปเมื่อ วันที่  3 ก.ค. 64  ซึ่งถือว่า เป็นการเริ่มจัด คาร์ม็อบครั้งแรกของกลุ่มนายสมบัติ โดยครั้งนั้น ได้จัดภายใต้หัวข้อ  “ถ้ารัฐบาลประยุทธ์มาจากเสียงนกหวีด เราจะไล่ประยุทธ์ด้วยเสียงแตร”   โดยนัดรวมตัวกันที่ วงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเตรียมที่จะเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล  โดยผู้ร่วมกิจกรรมได้นำรถยนต์ อาทิ รถออฟโรด รถยนต์ 4 ที่นั่ง 6 ที่นั่ง รถกระบะ รถแท็กซี่ รถสามล้อ ไปจนถึง รถจักรยานยนต์ และจักรยาน บางรายนำผ้าสีแดงของ กลุ่ม นปช. มาผูกไว้ที่รถ

วันนั้นจุดประสงค์ของกิจกรรม นายสมบัติ ระบุว่า เป็นการซ้อมใหญ่ไล่ประยุทธ์  โดยจะมีกิจกรรมขณะเคลื่อนขบวนให้ทำกัน อย่างการกระพริบไฟ และร่วมกันบีบแตรเสียงดัง ตามสโลแกน “เราจะไล่ประยุทธ์ด้วยเสียงแตร”   สำหรับ เส้นทางเดินขบวนรถ  หัวขบวน เริ่มต้นที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์ มุ่งหน้าไปทางสนามหลวง รถทุกคนที่เข้าขบวนเปิดไฟกระพริบเพื่อเป็นสัญลักษณ์

เวลา 17.00 น. เริ่มจาก อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปสนามหลวง

เวลา 17.19 น. หัวขบวนคาร์ม็อบ วนกลับมาที่สะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งขาเข้า เพื่อวิ่งกลับไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา 17.23 น.  หัวขบวน โดย  นายสมบัติ กลับมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมการบีบแตรยาวเสียงดัง และเปิดไฟกระพริบหน้ารถ

เวลา 17.52 น. นายสมบัติ  นำกลุ่มคาร์ม็อบ เข้าร่วมกับ กลุ่มไทยไม่ทนฯ  เพื่อที่จะไปทำเนียบรัฐบาล

เวลา 18.15 น. ขบวนคาร์ม็อบเคลื่อนขบวนผ่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มุ่งหน้าไปที่ ถ.นครสวรรค์

เวลา 18.36 น. หัวขบวนกลุ่มไทยไม่ทนฯ อยู่บนถนนพิษณุโลก ก่อนถึง สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อที่จะข้ามไปที่ฝั่งทำเนียบ แต่ติดแนวกั้นตำรวจไม่สามารถผ่านไปได้

สำหรับ บรรยากาศ การรักษาความปลอดภัยหน้าทำเนียบรัฐบาล มีการวางรั้วลวดหนาม แผงเหล็ก พร้อมด้วยยานพาหนะตำรวจจอดขวางถนนพิษณุโลก ประกอบด้วย รถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อควบคุมฝูงชน หรือ รถจีโน่  เปิดเครื่องประจำการอยู่ประมาณทั้งสิ้น 2 คัน รถบรรทุกขนผู้ต้องหา และยานพาหนะตำรวจอื่น ๆ เพื่อสกัดประชาชน ไม่ให้เข้าถึงหน้าทำเนียบ เปลี่ยนแผนไปราชประสงค์

นายสมบัติ  ได้แจ้งเปลี่ยนเส้นทางไปที่แยกราชประสงค์ หลังจากเคลื่อนผ่านถนนนครสวรรค์ ไปแยกนางเลิ้ง มีการเลี้ยวขวา แยกกับ กลุ่มไทยไม่ทนฯ ซึ่งเลี้ยวซ้ายไปทำเนียบ

เวลา 19.07 น. เริ่มมีรถที่เข้าร่วมคาร์ม็อบมารวมตัว พร้อมด้วยการบีบแตร ที่แยกราชประสงค์หน้า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์  ฝั่งถนนราชดำริ หลังจาก นายสมบัติ  และเป็น ผู้นัดหมายคาร์ม็อบครั้งนี้  มีการแจ้งเปลี่ยนเส้นทางจากเดิมมีทีท่าว่า จะไปร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทนฯ ไปที่ทำเนียบ มาเป็นที่แยกราชประสงค์แทน

เวลา 19.13 น.  รถที่เข้าร่วมคาร์ม็อบ ซึ่งอยู่ที่แยกราชประสงค์ ฝั่งถนนราชดำริ และถนนพระราม 1 มีการบีบแตรเสียงดัง เพื่อเป็นการส่งท้ายคาร์ม็อบครั้งนี้ ก่อนจะมีการประกาศยุติ และแยกย้าย

ต่อมา วันที่ 10 ก.ค. 64  นายสมบัติ จัดคาร์ม็อบ ครั้งที่ 2  เป้าหมาเช่นเดิม คือ กดดัน พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากประยุทธ์ โดยกำหนด ขับรถเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปตามที่ทำการพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรค  ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ  เพื่อยื่นหนังสือ ก่อนไปจบที่ แยกราชประสงค์

โดยมีการนัดรวมตัว ที่ อนุสาวรีย์ที่ประชาธิปไตย เวลา 13.00 น. โดยขบวนรถเริ่มออกตัว วนรถขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า กลับรถแยกอรุณอัมรินทร์ กลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  ตั้งขบวนใหม่ แยกป้อมมหากาฬ ผ่านฟ้าลีลาศ

กำหนดการ เคลื่อนขบวนรถไปตามพรรคการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล

  1. พรรคประชาธิปัตย์ ช่องรถประจำทางหลานหลวง-แยกยมราช-เลี้ยวซ้ายแยกอุรุพงษ์-ถ.พระราม 6 (ช่วงผ่านโรงพยาบาลรามา ขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมกิจกรมงดใช้เสียง)-แยกตึกชัย-แยกโรงกรองน้ำ-(ช่วงโรงพยาบาลวิชัยยุทธ งดใช้เสียง)-ยื่นหนังสือพรรคประชาธิปัตย์
  2. พรรคภูมิใจไทย ใช้ ถ.พระราม 6 ยาวผ่านตลาด อตก.-ซ้าย ถ.พหลโยธิน-ห้าแยกลาดพร้าว-ใช้ ถ.พหลโยธิน ยาวผ่านแยกเกษตร-พรรคภูมิใจไทย ยื่นหนังสือที่พรรคภูมิใจไทย
  3. พรรคพลังประชารัฐ กลับรถใช้ ถ.พหลโยธินขาเข้า-เลี้ยวซ้ายแยกรัชโยธิน-ถ.รัชดา-ผ่านหน้าพรรคพลังประชารัฐยื่นหนังสือ
  4. พรรครวมพลังประชาชาติไทย มุ่งหน้ารัชดาตัดลาดพร้าว ยื่นหนังสือ

 

หลังจากยื่นหนังสือที่พลังประชาชาติแล้ว ขบวนรถจะเดินทางมาที่ราชประสงค์ ใช้เส้นทาง ถ.รัชดา ยาวถึงแยกอโศก-เลี้ยวขวาใช้ ถ.สุขุมวิท ตลอดสาย-แยกราชประสงค์ จอดรถหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนราชดำริ จากนั้น กดแตร์ดังๆ ยาวๆ ส่งท้าย และเป็นอันสิ้นสุดกิจกรรม

โดย วันนั้น นายสมบัติ ระบุว่า กิจกรรมเป็นอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหา เพราะเป็นเพียงการขับรถวน อีกทั้ง ยังมีการซักซ้อมมาแล้วเมื่อวันเสาร์ (3 ก.ค. 64)

เวลา 13.00 น. ขบวนรถ เริ่มรวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เวลา 13.45 น. มีการปล่อยขบวนรถออกเดินทาง โดยไม่มีการประกาศเจตจำนงทางการเมืองตามกำหนดเดิม เนื่องจากฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนัก

เวลา 14.30 น.  ขบวนคาร์ม็อบ เดินทางไปที่ พรรคประชาธิปัตย์  นายสมบัติ ได้ลงมายื่นหนังสือให้ตัวแทนพรรคฯ   นายสมบัติ อ่านจดหมายเปิดผนึก พร้อมสื่อสารไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เลิกพายเรือให้โจรนั่ง และเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ล้มเหลวในการบริหารสถานการณ์ช่วงโควิด

หลังจากนั้น นายสมบัติ นำป้ายข้อความ ‘เลิกพายเรือให้ลุงนั่ง’  มาชูหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสมบัติ กล่าวว่า  สำหรับการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนขบวนอย่างเป็นทางการครั้งแรก และคาดว่า คาร์ม็อบจะใหญ่มากขึ้นกว่านี้ หลังจาก ศบค. ประกาศล็อกดาวน์ 14 วัน

ต่อเวลา 15.05 น. ขบวนรถคาร์ม็อบ เดินทางถึง พรรคภูมิใจไทย ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร  นายสมบัติ อ่านแถลงการณ์ ใจความว่า “ช่วงก่อนการเลือกตั้งในปี 2562 พรรคภูมิใจไทย แสดงออกชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนรัฐบาลทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่กลับเข้าร่วมในท้ายที่สุด ไม่ว่า จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ที่ทำให้ทางพรรคเข้าร่วมรัฐบาลในตอนนั้น แต่การบริหารงานของรัฐบาลในตอนนี้นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ภายใต้การบริหารงานสาธารณสุข โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นหัวหน้า แสดงให้เห็นว่าจัดการโควิด-19 ไม่ได้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รวบอำนาจการตัดสินใจไว้แต่เพียงผู้เดียวภายใต้การบริหารงานของ ศบค. นั้น  ประจักษ์แล้วว่าขาดความเป็นผู้นำ ไร้ความสามารถ จึงขอให้พรรคภูมิใจไทเลิกสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  อย่าตกเป็นผู้ตามของผู้นำที่โง่เขลาและขาดความรับผิดชอบ”

จากนั้นได้ยื่นจดหมายให้แก่เจ้าหน้าที่พรรคภูมิใจไทย แต่ไม่มีสมาชิกพรรคออกมารับจดหมาย นาย สมบัติ ก็ได้ถือป้ายกระดาษลัง ที่เขียนด้วยปากกาเคมี ระบุว่า “ภูมิไม่ขึ้น” กับป้ายพรรคภูมิใจไทย

15.34 น. ขบวนคาร์ม็อบ นายสมบัติ เดินทางถึงที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ผงแป้งมาโปรย จากนั้น ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เบื้องต้น ตนไม่มีจดหมายถึง พปชร. แต่ตนเอาแป้งมันมามอบให้

นายสมบัติ ระบุว่า ที่ตนนำแป้งมันมามอบให้นี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า พรรค พปชร. ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล แต่มีภาพลักษณ์ซึ่งเป็นข้อครหาต่อสังคมประชาคมโลก ไม่เฉพาะกับสังคมไทย ทางพรรคฯ ควรมีการพิจารณาสมาชิกพรรค และคนทำงานให้ดีกว่านี้  หลังจากนั้น  มวลชน ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เอาแป้งมาโยนใส่ที่หน้าพรรคฯ พร้อมกับตะโกนอย่างพร้อมเพรียงว่า “มันคือแป้ง พรรคพลังประชารัฐ ภาษีประชาชน”

 

ต่อจากนั้น  ขบวนคาร์ม็อบ เดินทางไปที่แยกราชประสงค์  ซึ่งตามกำหนดการเป็นจุดหมายสุดท้ายของกิจกรรม และจะมีการกดแตรยาวทิ้งท้ายก่อนยุติการชุมนุม    โดย นายสมบัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า   รอบ 3 มาแน่  ถ้า 14 วัน พล.อ.ประยุทธ์  ไม่ออก… จึงเป็นที่มาของการจัด คาร์ม็อบ ในวันนี้ 1 ส.ค.64 อีกครั้ง ที่มีการประกาศ จัดม็อบพร้อมทั่วประเทศ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น